ทำเนียบรัฐบาล 17 มี.ค.-นายกฯ ย้ำโควิด-19 ยังไม่เข้าระยะ 3 ยังไม่ปิดเมือง ไม่ปิดประเทศ แต่จะเพิ่มความเข้มข้นการคัดกรองคนเข้าประเทศมากขึ้น เลื่อนวันหยุดสงกรานต์จนกว่าสถานการ์คลี่คลาย มีวันหยุดเหมาะสม ให้ประชาชนเลื่อนตั๋วเดินทางไม่เสียค่าธรรมเนียม เตรียมพร้อมมาตรการรองรับประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอุตตม เสาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจะสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย แต่ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่ระยะที่ 3 แต่มีแนวโน้มว่าการแพร่กระจายจะมากขึ้น ดังนั้น เพื่อลดการแพร่ระบาดจากรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดอื่น จึงต้องเพิ่มมาตรการเตรียมพร้อมรองรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา(โควิด-19) ได้นำเรื่องเสนอครม.เพื่อพิจารณา 6 ด้าน คือ 1.ด้านสาธารณสุข 2.ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน 3.ด้านข้อมูลการชี้แจงและรับเรื่องร้องเรียน 4.ด้านการต่างประเทศ 5.ด้านมาตรการป้องกัน และ 6. ด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา โดยที่ประชุมครม.มีมติ ดังนี้ 1.ด้านสาธารณสุข ไม่ปิดเมืองหรือปิดประเทศ ไม่ห้ามการเข้า-ออก แต่จะป้องกันและสกัดกั้นการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศทุกช่องทางทั้งบก น้ำ อากาศ โดยชาวต่างชาติที่มาจาก 4 ประเทศและ 2 เขตปกครองพิเศษ ประกอบด้วย จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี ฮ่องกง ไต้หวัน ต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน ต้องยินยอมให้ใช้แอพพลิเคชั่นติดตามตัวของรัฐ เจ้าหน้าที่จะดูรายละเอียดในหนังสือเดินทางว่าประเทศสุดท้ายก่อนเข้าไทยเป็นประเทศที่มีโรคแพร่ระบาดหรือไม่ เพื่อแจ้งกระทรวงมหาดไทยและเข้าสู่กระบวนการกักตัว เฝ้าระวังสังเกตุอาการ 14 วัน
“ส่วนชาวต่างชาติที่มาจากประเทศแพร่ระบาดต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ประกาศเป็นเขตติดต่ออันตราย ต้องแจ้งสถานที่พำนักในไทยที่สามารถติดต่อได้ ห้ามข้าราชการ พนักงานรัฐวสาหกิจเดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เตือนประชาชนงดเดินทางไปในประเทศซึ่งเป็นพื้นที่เขตโรคติดต่ออันตรายและพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาระบบกลไกการกักกันหรือมีเหตุสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย ณ ที่พำนักตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 จัดหาและเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นให้เพียงพอต่อการแพร่ระบาดระยะที่ 3 แนะนำคนไทยที่อาศัยในต่างประเทศชะลอเดินทางกลับไทยจนกว่าสถานการณ์ในประเทศจะดีขึ้น หรือหากกลับมาต้องเข้าสู่มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและกักตัว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 2. ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน ให้เร่งผลิตหน้ากากอนามัย หนากากผ้า เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ทั้งในประเทศและจัดหาจากต่างประเทศให้เพียงพอ ส่งเสริมให้ประชาชนใช้หน้ากากผ้าเมื่อเข้าพื้นที่ชุมชน ขณะเดียวกันกระทรวงอุตสาหกกรรมได้ปลดล็อคให้นำแอลกอฮออล์มาใช้ผลิตเจลล้างมือได้ ให้นำหน้ากากอนามัยที่เป็นของกลางที่ยึดมาได้นำมากระจายต่อไป ตรวจสอบการขายออนไลน์ การกระจายและกักตุนสินค้า โดยรัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานทำหน้าที่แล้ว ให้สำรวจเวชภัณฑ์ที่จำเป็น เช่น ชุดป้องกันของบุคลากรทางการแพทย์ หน้ากาก N 95 และอุปกรณ์ที่จำเป็น โดยประสานและจัดหาจากต่างประเทศ 3. ด้านข้อมูล การสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ ของรัฐบาลมาจาก 2 แหล่งคือ ข้อมูลทางการแพทย์จะแถลงที่กระทรวงสาธารณสุข ส่วนภาพรวมของข้อมูลโควิด-19 แถลงที่ทำเนียบรัฐบาล 4. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้ทีมไทยแลนด์ โดยเอกอัครราชทูตเป็นหัวหน้าทีมดูแลคนไทยในต่างประเทศ
“5.ด้านมาตรการป้องกัน ให้ลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง สถานที่ที่คนมาทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกิจวัตรที่อาจแพร่ระบาดเชื้อได้ง่าย แม้จะป้องกันแล้ว ได้แก่ มหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ สถาบันกวดวิชา สถานศึกษา ให้ปิดชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมเป็นต้นไป เป็นเวลาสองสัปดาห์ สถานที่ที่คนไม่ได้มาชุมนุมเป็นกิจวัตร แต่ทำกิจกรรมที่เบียดเสียดใกล้ชิด เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อง่ายทางปาก สัมผัสถูกตัวหรือใช้สิ่งของร่วมกัน ให้ปิดชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เช่น สนามมวย สนามกีฬา สนามม้าในพื้นที่กรงุเทพฯและปริมณฑล ส่วนผับ สถานบันเทิง สถานบริการ นวดแผนโบราณ โรงมหรสพในกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้ปิดชั่วคราวเป็นเวลาสองสัปดาห์ ลดจัดกิจกรรมการรวมตัวของคนจำนวนมากที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาด เช่น คอนเสิร์ต การแสดงสินค้า กิจกรรมทางศาสนา วัฒนธรรมและกีฬา โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพิ่มมาตรการป้องกันสำหรับพื้นที่และสถานที่ที่ยังต้องเปิด ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานที่ราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ลดความสี่ยงของการแพร่เชื้อโดยให้ดำเนินมาตรการตามที่กระทรวงสาธาสรณสุขกำหนด ร้านค้า ร้านอาหารให้หมั่นทำความสะอาด คัดกรองอุณหภูมิ ใช้หน้ากากอนามัย ลดความแออัดการเดินทางเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาด ยับยั้งการแพร่เชื้อในประเทศ โดยเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2563 จนกว่าจะมีวันหยุดชดเชยที่เหมาะสม ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาการเหลื่อมเวลาทำงาน การทำงานที่บ้าน ส่งเสริมให้ใช้ระบบอินเตอร์เน็ตประชุมทางไกล โดยให้ทุกหน่วยงานทำแผนการทำงานจากที่บ้าน และรายงานผลการปฏิบัติงานต่อศูนย์โควิด-19 ให้หน่วยปฏิบัติควบคุมโรคทุกอำเภอ เขต หมู่บ้าน ให้บุคคลที่มาจากภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 6. มาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มธุรกิจ แรงงาน สถานประกอบการ โรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณามาตรการรองรับช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของกิจการโรงงาน ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมีมาตรการช่วยเหลือเกี่ยวกับภาระการผ่อนชำระ อาทิ รถจักรยานยนต์ ให้สถานบันการเงินผ่อนผันการชำระค่างวด ส่วนประชาชนที่ประกอบอาชีพต่าง ๆ ที่อยู่นอกระบบ พ่อค้า แม่ค้า ลูกจ้างรายวันและกลุ่มเกษตรกร จะเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจระยะที่ 2 ต่อไป
“ประเทศไทยจะควบคุมและชะลอสถานการณ์ในระยะที่ 2 ให้นานที่สุด โดยใช้ทุกมาตรการทั้งการควบคุม ป้องกัน รักษาและสื่อสารด้านต่าง ๆ โดยให้ถือว่าปัญหาโควิด-19 เป็นปัญหาสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศ ส่วนการออกรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิอจวานนี้ (16 มี.ค.) ที่ผมเรียกร้องให้คนไทยร่วมใจสู้โควิด-19 ประเทศไทยต้องชนะ หมายถึงสถานการณ์ต้องคลี่คลายเป็นปรกติด้วยความร่วมมือของทุกคน และนอกจากการดูแลป้องกันตนเองแล้ว ขอความร่วมมือผู้ที่จะเข้ารับการตรวจโควิด ควรเป็นผู้ที่มีอาการป่วย ส่วนผู้ที่ไม่มีอากรอะไร ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจให้สิ้นเปลือง เพราะการตรวจปริมาณมาก ส่งผลต่อการคัดกรองผู้ติดเชื้อยากลำบากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไม่ได้กีดกันคนเข้ารับการตรวจโรค และวันนี้ผมจะออกรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเพื่อชี้แจงมาตรการที่ครม.อนุมัติอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อวิจารณ์ว่าการที่ประเทศไทยไม่ประกาศการแพร่ระบาดระยะที่ 3 เป็นการไม่สะท้อนสถานการณ์ความเป็นจริงในจุจบัน ว่า ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นการประเมินและการตัดสินใจของแพทย์ ยืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่การแพร่ระบาดระยะที่ 3 ยังไม่ปิดเมือง ไม่ปิดประเทศ แต่จะดำเนินมาตการคัดกรองที่เข้มข้นกับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ส่วนผู้ที่จองตั๋วโดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว และครม.มีมติให้เลื่อนวันหยุด สามารถเลื่อนตั๋วโดยไม่มีค่าธรรมเนียม ส่วนการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากมาตการของรัฐบาล กระทรวงการคลังจะนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในสัปดาห์หน้า .-สำนักข่าวไทย
