กรุงเทพฯ 12 มี.ค. – หอการค้าไทยปรับเป้าจีดีพีปีนี้เหลือเพียงร้อยละ 1.1 จากเดิมโตร้อยละ 2.8 ส่งออกติดลบร้อยละ 2 หลังโควิด-19 รุนแรง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ลดลงต่ำสุดในรอบ 21 ปี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้วิเคราะห์สถานการณ์ที่ส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจ โดยมองว่าปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีสถานการณ์บานปลายและรุนแรงมากขึ้นไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงภาคการท่องเที่ยว การส่งออกและการค้าโลก นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของสถานการณ์ภัยแล้งที่มีผลกับราคาพืชผลทางการเกษตรและกำลังซื้อของภาคประชาชน ประกอบกับเสถียรภาพทางการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทำให้ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้มีการปรับประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศปีนี้เหลือร้อยละ 1.1 จากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 2.8 การส่งออกติดลบร้อยละ 1 จากเดิมคาดการณ์ว่าการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 0.8 โดยรายได้จากภาคการท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 11.3 จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ภายใต้สมมติฐานที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องคลี่คลายภายในเดือนพฤษภาคม แต่หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และยืดเยื้อจนถึงเดือนสิงหาคมจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเหลือร้อยละ 0.6 การส่งออกติดลบร้อยละ 1.5 และรายได้จากการท่องเที่ยวติดลบร้อยละ 18.9
ขณะที่ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ดัชนีมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 มาอยู่ที่ระดับ 64.8 โดยเป็นดัชนีต่ำสุดในรอบ 21 ปี ตั้งแต่ศูนย์พยากรณ์ฯ มีการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมา โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีมีการปรับตัวลดลงนั้น เป็นผลมาจากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2562 ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 21 ไตรมาส หรือต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากผลกระทบสงครามการค้าและการส่งออกที่ลดลง รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงมีผลต่อรายได้ของเกษตรกร และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 52.5 โอกาสในการหางานทำอยู่ที่ระดับ 61.4 และรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 80.4 ซึ่งเป็นดัชนีที่ปรับตัวลดลงทุกรายการเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย