รัฐบาลประกาศยกเลิก VOA 18 ประเทศ- Free Visa 3 ประเทศ

ทำเนียบฯ 11 มี.ค.-รัฐบาล ออกมาตรการเข้มรับมือโควิด-19 ยกเลิกฟรีวีซ่า 3 ประเทศ อิตาลี เกาหลีใต้ ฮ่องกง และ Visa on Arrival ( VOA)  18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ (ไต้หวัน) สั่งปิดศูนย์กักตัวสัตหีบ และทั่วประเทศ ให้กักตัวที่บ้านพักแทน ตั้งเจ้าพนักงานมาดูแล หากผ่าฝืนดำเนินคดีตามกฏหมายเด็ดขาดทั้งจำและปรับ ยันมาตรการที่ออกมาไม่ได้ปิดประเทศ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งด่วน เพื่อติดตามและรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 หลังจากพบการแพร่ระบาดในต่างประเทศมากขึ้น

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมแถลงข่าว 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะมีการคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้าประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้มงวดขึ้นโดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยมีการคัดกรองมาตั้งแต่ประเทศต้นทาง จึงขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจ รัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตาม ต่อจากนี้สถานการณ์อาจจะควบคุมต่อไปไม่ได้ และเพื่อไม่ให้ประเทศเข้าสู่ระดับที่ 3 จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมออกมา ขณะนี้สถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่ 2 

นายกรัฐมมนตรี กล่าวว่า มีข้อเสนอให้ปิดประเทศ แต่รัฐบาลคงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะจะส่งผลกระทบตามมาในหลายด้าน แต่การเข้มงวดในการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวน้อยลง จึงขอให้ผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิการทำงานของรัฐบาลตาม Social Media ใช้คำสุภาพ และรู้สึกไม่สบายใจ  

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เพื่อลดโอกาส เสี่ยงของการแพร่ระบาดในอนาคต จึงจะใช้อำนาจตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง ประกาศยกเลิก Visa on Arrival (VOA) 18 ประเทศเป็นการชั่วคราว หากนักท่องเที่ยวจาก 18 ประเทศดังกล่าวต้องการเดินทางเข้ามาประเทศไทยจะต้องไปติดต่อสถานทูตไทยในแต่ละประเทศ นอกจากนี้ยังให้ยกเลิก Free Visa เป็นการชั่วคราวกับนักท่องเที่ยว 3 ประเทศ คือ อิตาลี เกาหลีใต้ ฮ่องกง ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศจะต้องผ่านการตรวจร่างกายและมีใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 3 วัน มายืนยันกับสถานทูต หรือสถานกงศุล เพื่อเป็นการยืนยัน ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย  และหากชาวต่างชาติที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน เมื่อผ่านเข้ามาประเทศไทย จะต้องถูกกักตัวไว้ ที่โรงแรมโนโวเทล สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ หากไม่ยินยอมจะส่งกลับประเทศต้นทางทันที สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง กระทรวงคมนาคมจะจัดรถรับส่งตั้งแต่สนามบินจนถึงบ้านพัก และไม่อนุญาตให้แวะส่งกลางทาง การดำเนินการมาตรการต่าง ๆ จะใช้ อำนาจตามมาตรา 16 ของกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ 

” มาตรการนี้ถือเป็นการคัดกรองจากประเทศต้นทาง โดยคนที่จะเดินทางเข้ามาจะต้องได้รับอนุญาตจากสถานทูตในประเทศนั้น ๆ จะต้องมีใบรับรองแพทย์และต้องได้รับการยืนยันว่า มีสุขภาพแข็งแรงไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขึ้นเครื่องบินเดินทางไปไหนมาไหนได้ ในส่วนนี้เป็นไปตามมาตรฐานการบินสากล ที่จะมีการคัดกรองในอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นคนไทยที่จะเดินทางกลับจากต่างประเทศก็อาจจะมีขั้นตอนการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จะปิดศูนย์ควบคุมที่ อำเภอสัตหีบ และ ในจังหวัดต่าง ๆ โดยผู้ที่ถูกควบคุมในศูนย์ต่าง ๆ ทางสาธารณสุขจะส่งแพทย์ไปตรวจคัดกรองเชื้อก่อนส่งไปเฝ้าระวังที่บ้านพักของตนเองในภูลำเนาต่าง ๆ จะมีการใช้อำนาจตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหาร เพื่อไปติดตามดูแลผู้ที่ถูกส่งกลับมาดูอาการต่อที่บ้านพักอย่างต่อเนื่อง และหากผู้ที่กลับมาไม่กักตัว หรือ ไม่ปฏิบัติตามจะถูกลงโทษตามกฎหมาย คือถูกจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ 

ถ้าหากกลับมากักตัวที่บ้านพัก อาจถูกกระแสต่อต้านจากคนในพื้นที่นั้น  พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คนไทยทุกคนมีสิทธ์ กลับมาอยู่ในแผ่นดินไทย และหากต้องกลับ พื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือบ้านพัก ในภูมิลำเนาต่าง ๆ จึงอยากให้สังคมเข้าใจและอธิบายว่าการกลับมากักตัวจะมีเจ้าหน้าที่ ช่วยในการดูแลและตรวจตราหากพบว่ามีอาการป่วย ผู้ที่กลับมา และบุคคลในครอบครัวจะต้อง ถูกนำตัวไปทำการรักษา เพราะบ้านพักถือเป็นพื้นที่ควบคุม 

“กระทรวงสาธารณสุขแนะนำว่าหากนำเอาบุคคลที่กลับจากประเทศเสี่ยง หรือบุคคลที่มีความเสี่ยง มากักตัวรวมกันเป็นจำนวนมาก โอกาสที่จะมีการติดเชื้อและแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 สูง เหมือนกรณีของเรือ Diamond Princess  ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือจะต้องไปกักตัวอยู่บ้านพักภายในภูมิลำเนา โดยใช้เจ้าหน้าที่พนักงานที่แต่งตั้งขึ้นรวมถึงคนในครอบครัวช่วยดูแล” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวไม่ใช่เป็นการปิดประเทศ หรือห้ามคนเดินทางเข้าประเทศไทย แต่การที่จะเดินทางเข้าประเทศจะต้องมีเงื่อนไขบางประการที่มากขึ้น ซึ่งเป็นมาตรการสากลที่สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก 

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงมาตรการดูแลการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากมีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ในหลายพื้นที่ จึงได้เรียกประชุมด่วน โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการเชิงรุก ปรับแผนการทำงานจากเดิม โดยสอบถามถึงแนวทางการปิดประเทศ ไม่ให้คนจาก 4 ประเทศเสี่ยง เข้ามายังประเทศไทย แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลต่อภาพลักษณ์และความสัมพันธ์กับประเทศนั้น ๆ 

พล.อ.อนุพงษ์ จึงสอบถามกระทรวงสาธารณสุขว่าหากไม่ปิดประเทศจะรับมือไหวหรือไม่ สำหรับบุคคลที่จะเข้าและออก จาก 4 ประเทศเสี่ยง ซึ่งผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะรับมือไหวหรือไม่ แต่เมื่อกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ไม่ควรใช้แนวทางการปิดประเทศ จึงเป็นที่มาของมาตรการยกเลิกฟรีวีซ่า และ Visa On Arrival  

นายกรัฐมนตรี ได้ตำหนิและสั่งให้ฝ่ายบริหารไปฟังความเห็นจากลูกน้องผู้ปฏิบัติงานบ้าง ว่าจะปฏิบัติงานไหวหรือไม่ เพราะเท่าที่ได้รับการร้องเรียนมานั้น ผู้ปฏิบัติงานหลายคนเหนื่อยล้า ทำจะไม่ไหวอยู่แล้ว 

สำหรับรายชื่อ 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ (ไต้หวัน) ที่สามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival มี  1. สาธารณรัฐบัลแกเรีย (The Republic of Bulgaria) 2. ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) 3. สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) 4. สาธารณรัฐไซปรัส (Republic of Cyprus) 5. สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย (Federal Democratic Republic of Ethiopia) 6. สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ (The Republic of Fuji)

7. จอร์เจีย (Georgia) 8. สาธารณรัฐอินเดีย (Republic of India) 9. สาธารณรัฐคาซัคสถาน (The Republic of Kazakhstan) 10. สาธารณรัฐมอลตา (The Republic of Malta)11. สหรัฐเม็กซิโก (The United Mexican States) 12. สาธารณรัฐนาอูรู (The Republic of Nauru) 13. ปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea) 14. โรมาเนีย (Romania) 15. รัสเซีย (The Russian Federation) 16. ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (Kingdom of Saudi Arabia) 17. ไต้หวัน (Taiwan – China) 18. อุซเบกิสถาน (The Republic of Uzbekistan) 19. สาธารณรัฐวานูอาตู (The Republic of Vanuatu) ยกเลิก Free Visa 3 ประเทศ ได้แก่ อิตาลี เกาหลีใต้ ฮ่องกง  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย