“จุรินทร์” ประชุมดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค รับมือโควิด-19

กรุงเทพฯ 7 มี.ค. – จุรินทร์ รุก ประชุมดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค ร่วมมือผู้ประกอบการทั้งระบบ รับมือโควิด-19


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อทำงานเชิงรุกและรับมือในสถานการณ์ Covid-19 โดยใช้เวลาประชุมตั้งแต่เวลา 14.00 น.-17.00 น. มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 43 ราย ประกอบด้วย สมาคม จำนวน 9 สมาคม (สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย สมาคม ผู้ผลิตอาหารสาเร็จรูป สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุง สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมผู้ผลิตไก่ เพื่อส่งออกไทย สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยา แผนปัจจุบัน และสมาคมผู้วิจัยและผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์) ผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวน 22 ราย (หมวดของใช้ประจาวัน 5 ราย หมวดอาหารและเครื่องดื่ม/ผลิตภัณฑ์นม 14 ราย ยาและเวชภัณฑ์/เจลล้างมือ 9 ราย) ห้างสรรพสินค้า จำนวน 6 ราย


ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้มี 2 เรื่องด้วยกันเรื่องแรก คือ เรื่องที่ผมได้ขอให้ทางกรมการค้าภายในเชิญผู้ประกอบการมาหารือเพื่อให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคในสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญกับปัญหา COVID-19 ในขณะนี้เพื่อเตรียมการรองรับมาตรการอื่นๆของรัฐบาลที่มีแนวโน้มในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งจากพี่น้องประชาชนในกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องได้รับการเติมเม็ดเงินเข้าไปซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่จะถึงนี้ซึ่งอาจจะทำให้ความต้องการสินค้าบริโภคเพิ่มขึ้น

สำหรับการหารือในวันนี้มีการหารือ ข้าวถุง เจลล้างมือ อาหารสำเร็จรูปและสินค้าอื่นๆเช่น สบู่เหลว กระดาษทิชชู เป็นต้นเพื่อให้แต่ละกลุ่มผู้ผลิตช่วยรายงานสถานการณ์ ซึ่งทำให้ได้เห็นภาพรวมว่าสำหรับอาหารสำเร็จรูปนั้นมีแนวโน้มยอดขายออนไลน์มีเพิ่มขึ้นและได้รับแจ้งว่ากำลังการผลิตณปัจจุบันนี้ยังอยู่ประมาณร้อยละ 70 ซึ่งยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกร้อยละ 30 โดยประมาณ


ด้าน ดร.ระพีพัชญ์ ธนถาวรกิตติ์ นายกผู้ประกอบการข้าวถุงไทยรายงานว่าขอยืนยันว่าในภาวะ COVID-19 ที่เข้ามาในบ้านเราเราสามารถผลิตสินค้าป้อนให้กับตลาดได้ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่าข้าวสารจะไม่ขาด

นางณัฏฐินี เนตรอำไพ ผู้จัดการอาวุโสส่วนองค์กรและสื่อมวลชนสัมพันธ์บริษัทยูนิลิเวอร์ รายงานว่าอยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ายูนิลิเวอร์อยู่คู่กับสังคมไทยมานานและฝ่าฟันวิกฤติมารวมกันและกำลังจะร่วมฝ่าฟันวิกฤติตกาล COVID-19 ร่วมกับประเทศไทย ในส่วนอาหารสำเร็จรูป รวมทั้งของสบู่น้ำยาซักผ้าหรือสินค้าที่จำเป็นสำหรับการฆ่าเชื้อทางยูนิลิเวอร์ได้เตรียมพร้อมในการขยายการผลิตเพื่อสนองตอบความต้องการของประชาชนเรียบร้อยแล้ว

นางพิชชาภรณ์ อาชชวงศ์ทิพย์ สมาคมผู้ประกอบการอาหารสำเร็จรูปแจ้งว่าปัจจุบันยังมีกำลังการผลิตเหลืออยู่อีกร้อยละ 30 ประชาชนจึงไม่ต้องเป็นห่วงถึงปัญหาการขาดแคลนอาหาร

ดร.สัมฤทธิ์ ยิบยินธรรม บริษัท ริเวอร์ โปร พัลพ์แอนด์เปเปอร์ ผู้ผลิตกระดาษทิชชูรายงานว่าปริมาณความสามารถในการผลิตกระดาษทิชชูของประเทศไทยยังมีเพียงพอเหลือเฟือดังนั้นการขาดแคลนจึงยังไม่น่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่เราอาจจะยังเห็นว่าสินค้ามีการพร่องไปจากชั้นวางของเนื่องจากสินค้าทิชชู่ใช้เนื้อที่ในการวางเยอะหากทางห้างเติมสินค้าไม่ทันอาจจะดูเหมือนของขาดแต่ในความเป็นจริงยังมีปริมาณเหลือเฟือ

ทั้งนี้ผู้แทนจากยูนิลีเวอร์ ยืนยันว่า พร้อมในการออกผลิตภัณฑ์เจลล้างมือขนาดเล็กเพื่อประชาชนสามารถพกพานำไปใช้ได้และพร้อมในการหาบรรจุภัณฑ์และวัตถุดิบมาผลิตเพิ่มเติมจึงขอให้ประชาชนมั่นใจในส่วนของสบู่เหลวยูนิลิเวอร์ได้ขยายกำลังการผลิตเรียบร้อยแล้วซึ่งมีอยู่หลายแบนรวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีสารต่อต้านแบคทีเรียโดยมีการขยายกำลังการผลิต เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัว

ดร.ฉัตรชัย ดวงรัตนพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคมค้าปลีกไทย รายงานว่าร้านค้าปีกไทยยืนยันว่าสินค้ายังไม่ขาดตอนและยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกทำให้การขาดแคลนที่เหมือนกับการขาดแคนตอนน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นเนื่องจากเราไม่ได้ประสบกับปัญหาการขนส่งจึงเชื่อว่าสินค้าสามารถถูกขนส่งมายังมือพี่น้องประชาชนได้อย่างไม่มีปัญหาซึ่ง ขณะนี้สินค้าก็ยังมีพร้อมโดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคตามบ้าน ขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง

นายสมชาย พรรัตนเจริญ ผู้แทนจากสมาคมค้าส่งค้าปลีกไทย ยืนยันว่าสินค้าไม่ขาดแคลน และมีสินค้าเต็มอยู่ทุกที่

จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ขอเรียนให้ทราบว่ากระทรวงจะติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิดและจะประสานงานกับผู้ผลิตผู้ค้าสมาคมต่างๆที่เกี่ยวข้องตลอดเวลาโดยกรมการค้าภายในจะเป็นหน่วยงานหลักในการคลี่คลายสถานการณ์และประสานงาน ส่วนเรื่องที่สองคือเรื่องหน้ากากอนามัยขอเรียนให้ทราบว่าขณะนี้สถานการณ์การผลิตหน้ากากอนามัยที่มีสีเขียวที่เราใช้กันอยู่เราสามารถผลิตได้เดือนละ 36,000,000 ชิ้น ต่อเดือนอย่างที่เคยเรียนให้ทราบโดยมีผู้ผลิตรวมกัน 11 โรงงาน หากมาทอนเป็นวันจะเป็นวันละ 1.2 ล้านชิ้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคมเป็นต้นมาศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยโดยมีผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขคือนายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ได้มาร่วมบริหารจัดการกับอธิบดีกรมการค้าภายในนายวิชัย โภชนกิจ โดยมีมติให้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้สถานพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ป่วยเป็นลำดับต้น ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด ขอย้ำว่าสำหรับสถานพยาบาลทั่วประเทศทุกประเภทจะได้รับการจัดสรรวันละ 700,000 ชิ้นโดยให้รองเลขาธิกา อย นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์เป็นผู้บริหารจัดการหลักในการจัดสรรหน้ากากอนามัยไปสู่สถานพยาบาลทั่วประเทศและในส่วนอีก 500,000 ชิ้นอธิบดีกรมการค้าภายในจะเป็นผู้บริหารจัดการในการจัดสรรและกระจายผ่านช่องทางต่างๆไปสู่ประชาชนกลุ่มอื่นๆ โดยตัวเลขในการกระจาย 700,000 ชิ้นได้ถูกกระจายไปองค์การเภสัชกรรม 430,000 ชิ้นสถานพยาบาลเอกชน 140,000 ชิ้นโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเช่นโรงพยาบาลศิริราชรามาธิบดีเป็นต้น 60,000 ชิ้นและโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 70,000 ชิ้นรวมแล้วเป็น 700,000 ชิ้นซึ่งเมื่อวานทราบว่าผู้ผลิตหน้ากากอนามัยขนาดใหญ่ได้ส่งโรงพยาบาลศิริราช 60,000 ชิ้นและโรงพยาบาลเอกชนหลายโรง เช่นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น โรงพยาบาลวิภาราม โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ โรงพยาบาลพระรามเก้า สำนักอนามัยกรุงเทพมหานครและโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์เป็นต้น

สำหรับตัวเลขในวันที่ 7 มีนาคมศูนย์กระจายหน้ากากได้ตกลงว่าจะได้กระจายตัวเลขหน้ากากที่ใกล้เคียงกับของเดิมคือสำหรับองค์การเภสัช 430,000 ชิ้นโรงพยาบาลเอกชนรวมทั้งคลินิกเอกชนด้วย 140,000 ชิ้นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย 60,000 ชิ้นโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครอีก 55000 ชิ้น เช่น

โรงพยาบาลวิภารามโรงพยาบาลมหาชัยแม่กลอง โรงพยาบาลเพชรรัตน์ เพชรบุรี โรงพยาบาลซานเปาโลหัวหิน และโรงพยาบาลศิริราชได้รับอีก 30,000 ชิ้นโรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เป็นต้น

และจะทยอยจัดสรรอีกเป็นลำดับโดยจะมีการประชุมศูนย์กระจายหน้ากากทุกวันซึ่งจากวันนี้ท่านอธิบดีกรมการค้าภายในและรองเลขาธิการ อย รวมทั้งสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและอื่นๆรวมทั้งองค์การเภสัชกรรมก็จะประชุมร่วมกั

นอกจากนี้ยังขอเรียนให้ทราบอีกประเด็นหนึ่งว่าขณะนี้ได้มีประกาศคณะกรรมาธิการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการสามฉบับซึ่งนายจุรินทร์เป็นผู้ลงนามในฐานะประธานสำนักกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการสามฉบับที่ว่านั้นประกอบด้วยฉบับที่หนึ่งได้กำหนดเนื้อหาให้ผู้ผลิตผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออกหรือผู้ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยจะต้องแจ้งข้อมูลมายังกรมการค้าภายในซึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการทุกวัน

สำหรับประกาศฉบับที่สองมีเนื้อหาหลักในการให้จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาทและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคมเป็นต้นไป ยกเว้นหน้ากากอนามัยที่ผลิตจาก 11 โรงงานที่ว่าที่อาจมีต้นทุนในการผลิตแตกต่างกันเนื่องจากก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์ได้นำมาบริหารจัดการแค่ครึ่งเดียวคือ 600,000 ชิ้นที่เหลืออีก 600,000 ชิ้นโรงงานนำไปจัดจำหน่ายเอง ซึ่งจะให้เวลาถึงวันอาทิตย์นี้ และตั้งแต่วันจันทร์ที่เก้ามีนาคมเป็นต้นไปจะต้องจำหน่ายในราคา 2.50 บาททั่วประเทศ สำหรับหน้ากากทางเลือกหนือหน้ากากอนามัยนำเข้า ได้กำหนดราคาขายสูงสุดจะต้องไม่เกินไปกว่าต้นทุนนำเข้าหรือต้นทุนการผลิตบวกกับราคาที่ผู้นำเข้าหรือผู้ผลิตขายให้กับผู้ค้าส่งได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของต้นทุนการผลิตหรือนำเข้าและเมื่อถึงมือผู้ค้าส่งแล้วผู้ค้าส่งจะขายไปยังผู้ค้าปลีกก็จะบวกไปได้ไม่เกินอีกร้อยละ 10 เช่นเดียวกัน ซึ่งร้อยละ 10 ที่ว่ารวมถึงค่าบริหารจัดการ ค่าขนส่ง ค่าตอบแทนและอื่นๆแล้ว สำหรับผู้ค้าปลีกจะสามารถบวกเพิ่มไปอีกไม่เกินร้อยละ 23 ซึ่งได้รวมค่าบริหารจัดการ ค่าขนส่ง ค่าตอบแทนและต้นทุนอื่นๆแล้ว ซึ่งเมื่อรวมทุกขั้นตอนทั้งหมดแล้วจะต้องไม่เกินร้อยละ 60 ยกตัวอย่างเช่นเมื่อต้นทุน 1 บาทก็จะนำไปขายถึงมือผู้บริโภคได้ไม่เกิน 1.60 บาท

และประกาศฉบับที่สามคือประกาศเรื่องเจลล้างมือซึ่งขณะนี้เป็นสินค้าควบคุมแล้วซึ่งมีเนื้อหาสำคัญก็คือการควบคุมราคาห้ามขายสูงกว่าราคาที่ได้แจ้งไว้ในปัจจุบันที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้วและหากมีการเปลี่ยนแปลงจะต้องได้รับอนุญาตก่อน ซึ่งนโยบายปัจจุบันคือไม่อนุญาตเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภค ทั้งหมดนี้ไม่รวมหน้ากากทางเลือกที่เรียกว่าหน้ากากผ้าซึ่งรัฐบาลกำลังส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปผลิตใช้ได้เองและรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้ 225 ล้านบาทแก่กระทรวงมหาดไทยในการผลิตหน้ากากผ้า 50,000,000 ชิ้นที่จะไม่รวมอยู่ในประกาศสามฉบับนี้เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมให้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ถูกผลิตวันละ 1,200,000 ชิ้นได้นำไปใช้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงที่สุดก่อน สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้ใช้เท่าที่จำเป็นและให้ใช้หน้ากากผ้าซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รับรองแล้วว่าสามารถนำมาใช้ได้

หากมีผู้ใดขายเกินราคาที่กำหนดไว้จะถูกข้อหาขายเกินราคามีโทษจำคุกห้าปีปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับหรือหากค้าในราคาสูงเกินควรจะถูกข้อหาจำคุกเจ็ดปีปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับแล้วแต่กรณีแล้วซึ่งจะมีการดำเนินคดีโดยเคร่งครัดต่อไปโดยมีผลการดำเนินคดีจนกระทั่งถึงเมื่อวานมีการดำเนินคดีไปแล้วจำนวน 89 ราย ทั่วประเทศในข้อหาฉวยโอกาสทางการค้า และบิดเบือนตลาด ทั้งการกักตุน ปล่อยของน้อยกว่าปกติ หรือ ไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า มีเจตนาจะขายราคาเกินกว่าปกติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย