กรุงทพฯ 7 มี.ค.- เอ็กโก กรุ๊ป-บีซีพีจี ปรับตัวนอกจากจะเน้นขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าแล้วมุ่งต่อยอดเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นาย กัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปี 2563 ได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่ โดยมุ่งเป็น “บริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วยความใส่ใจที่จะธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม” เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ เน้นการผลิตและให้บริการด้านพลังงาน ครอบคลุมการผลิตไฟฟ้า และแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง
มุ่งเน้นการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะขยายการลงทุนในประเทศที่มีฐานอยู่แล้ว เช่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และเจาะตลาดในประเทศใหม่ๆ เช่น ไต้หวัน เป็นต้น และต่อยอดไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ การจัดหาเชื้อเพลิงและการให้บริการด้านพลังงาน รวมทั้งยังแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับ ธุรกิจหลัก เช่น Smart Energy Solution ในขณะเดียวกัน เอ็กโก กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดและภายใต้งบประมาณที่วางไว้ โดยในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงการลงทุนในโครงการใหม่
สำหรับผลประกอบการเอ็กโก กรุ๊ป ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 13,059 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8,014 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุน จํานวน 14,177 ล้านบาท บริษัทฯ มีกำไรจากการดําเนินงานปกติ จำนวน 10,368 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จํานวน 1,173 ล้านบาท และคณะกรรมการบริการฯมีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท รวมเป็นการ จ่ายเงินปันผลตลอดปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 6.50 บาท โดยสิ้นปี 62 นี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 28 แห่ง กำลังผลิตตามส่วนการถือหุ้นประมาณ 5,475 เมกะวัตต์ ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์ 5 ปีนับจากนี้ไป บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ยปีละ ร้อยละ10-15 วางแผนจะะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวด้วยแผนยุทธ์ศาสตร์ 4E’s ประกอบด้วย
1.Expanding การขยายธุรกิจโดยมุ่งเน้นธุรกิจที่เป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิค ,2.Extending การขยายธุรกิจด้านดิจิทัล เอนเนอร์ยี่ (Digital Energy) เพื่อตอบรับกระแส การเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งจะมีพันธมิตรหลายราย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน และโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ
3.Enhancing บีซีพีจีติดตามและมองหาโอกาสในการเพิ่มรายได้จากโครงการที่มีในปัจจุบัน อาทิ การใช้เทคโนโลยีไฮบริด (Hybrid) โดยการผลิตไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นต้น และ 4.Evaluating โดยมีทีมเฉพาะทำหน้าที่ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของทุกโครงการ เพื่อปรับปรุง พัฒนา บริหารจัดการโครงการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอดเวลา ทั้งในด้านเทคนิคและในด้านโครงสร้างทางการเงิน
“ภายใต้แผนเติบโตกว่าเท่าตัว หรือ 10-15% ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ จะใช้เงินลงทุนรวมมากกว่า 45,000 ล้านบาท บริษัทฯ มั่นใจว่าแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน เลือกลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง ในความเสี่ยงที่สามารถบริหารจัดการได้ดีนั้น การหาแหล่งเงินลงทุนเป็นเรื่องที่จัดการได้ “นายบัณฑิตกล่าว
โดยสิ้นปี 62 บีซีพีจี มีโรงไฟฟ้า ในประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 655 เมกะวัตต์ -สำนักข่าวไทย