ทำเนียบรัฐบาล 3 มี.ค.-นายกฯเผย ที่ประชุมครม.ออกมติป้องกันโรคโควิด-19 ครอบคลุมทุกด้าน ของดจัดกิจกรรมที่มีคนรวมตัวจำนวนมาก ให้ท้องถิ่นผลิตหน้ากากอนามัยผ้าแทนแบบใช้แล้วทิ้ง เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ชุมชน เตรียมประชุมหามาตรการรองรับกรณี “ผีน้อย” ที่จะกลับมาจำนวนมาก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการดูแลประชาชนขณะที่ไวรัสโควิด- 19 ยังแพร่ระบาดว่า วันนี้(3 มี.ค.) ได้สั่งการโดยออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทั้งมาตรการเร่งด่วนด้านการป้องกันโรคและสุขภาพ มาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคและการสังเกตุอาการระหว่างกักตัว ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะมีระเบียบวิธีปฏิบัติ โดยจะประกาศให้ประชาชนทราบและนำไปปฏิบัติ เพื่อให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน
“มาตรการที่ออกมาจะครอบคลุมเรื่องการศึกษาดูงาน การสังเกตุอาการเมื่อมีการกักตัว ถ้าพบเชื้อต้องทำอย่างไร ไม่มีอะไรทำได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซนต์ แต่การจัดกิจกรรมที่จะมีคนจำนวนมากไปร่วม ทั้งการขายสินค้าต่าง ๆ การประชุม การท่องเที่ยว และการกีฬา ขอให้เลื่อนทั้งหมด ขอฝากทุกคนที่จะไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก ๆ อะไรเลี่ยงได้ ขอให้เลี่ยงไปก่อน หรือถ้าจำเป็นต้องจัดงาน เจ้าของงานก็ต้องมีมาตรการดูแลสถานที่ ปัญหาของประเทศคือเรามีคนหลายกลุ่ม หลายกิจกรรมที่ต้องดู บางอย่างรัฐบาลเข้าไปควบคุมไม่ได้ สิ่งสำคัญคือสุขภาพของคนไทยต้องเป็นหลัก ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย ว่า พรุ่งนี้(4 มี.ค.) จะประชุมหารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องว่าจะมีมาตรการอย่างไร โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ว่าถ้าจะกักตัวทั้งหมดจะต้องทำอย่างไร เนื่องจากผู้ที่เดินทางกลับมาไม่ใช่หลักร้อย แต่มีหลายพันและอาจถึงหมื่นคน จึงต้องดูด้วยว่าประเทศต้นทางจะให้กลับมาจำนวนเท่าใด
“เขามีมาตรการป้องกันโดยการกัก 14 วันแล้ว ถ้ากลับมาเราจะกักอีก 14 วันทั้งหมดหรือจะทำอย่างไร จะกักบางส่วนที่มีอาการหรือไม่ ต้องหามาตรการที่เหมาะสม ผมรู้ว่าประชาชนยังไม่ค่อยมั่นใจเพราะกลัว สังคมจึงต้องช่วยกันทำความเข้าใจว่าโรคนี้ติดต่อกันได้อย่างไร ไม่ใช่แก้ไขไม่ได้ เราหวังผลอะไรไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของไวรัสที่อุบัติใหม่ แต่ความพร้อมเรื่องสาธารณสุข ยาที่ผลิตเองในประเทศไทย เรามีบ้างแล้ว แต่ก็ต้องทดลองใช้ต่อไปเหมือนประเทศจีน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหน้ากากอนามัยขาดแคลน ว่า ได้คุยกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่าจะหาทางออกอย่างไร เนื่องจากกำลังผลิตในประเทศทั้งหมดมีทั้งสิ้น 11 โรงงาน สามารถผลิตได้ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน เฉลี่ย 1 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งรัฐบาลเร่งกำลังผลิตให้ได้มากขึ้น เพราะในจำนวน 1 ล้านชิ้น ส่วนหนึ่งจะต้องจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุขใช้ในสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 350,000 ชิ้นต่อวัน ที่เหลือจึงจะแบ่งไปจำหน่าย ฃ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูการกระจายสินค้าให้ทั่วถึง ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านประชารัฐธงฟ้าและจำหน่ายในท้องถิ่น โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประจำทุกโรงงาน เพื่อควบคุมการแจกจ่ายและป้องกันการกักตุน เนื่องจากขณะนี้หน้ากากเป็นที่ต้องการของต่างประเทศด้วย ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้น และขอเตือนไม่ว่าจะเป็นร้านค้าทั่วไปหรือออนไลน์ หากพบการหลอกลวงจะดำเนินคดี
“รัฐบาลจะจัดทำหน้ากากทางเลือก โดยกระทรวงสาธารณสุขรับประกันว่าสามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอได้ เป็นหน้ากากอนามัยผ้า จะเร่งผลิต 1 วันให้ได้ 50 ล้านชิ้นแจกจ่ายให้ถึงมือประชาชน โดยให้ชุมชนและท้องถิ่นเป็นผู้ผลิตเพื่อให้เกิดรายได้ในชุมชน ซึ่งหน้ากากผ้าสามารถนำมาใช้สลับหน้ากากที่ใช้แล้วทิ้งได้ เนื่องจากมีความเป็นห่วงเรื่องการทิ้งหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะที่พบการนำไปทิ้งในคูคลอง ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากทำความเข้าใจ เรื่องวัถุดิบที่นำมาผลิตหน้ากากอยามัยที่โรงงานต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย ซึ่งแต่ละประเทศมีความต้องการสูงเช่นกัน ทำให้หาวัตถุดิบได้ยาก ดังนั้น การใช้หน้ากากผ้าจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนช่วยกันได้ เพราะถ้าเราไม่ช่วยกัน และการแพร่ระบาดเข้าสู่ระยะ 3 ทุกคนจะลำบากกันหมด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเตรียมมาตรการดำเนินกดารไว้ล่วงหน้าแล้ว
ส่วนการกักตัวในบ้านพัก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะใช้มาตรการทางสังคมโดยให้ท้องถิ่นรับผิดชอบ เช่น การขึ้นรายชื่อบนบอร์ดและตรวจสอบรายงานทุกวัน ถ้าพบอาการต้องสงสัยให้ส่งโรงพยาบาลในพื้นที่เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลที่รับผิดชอบการรักษาโดยตรงอีกทอดหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย
