“ณรงค์ศักดิ์” ขึ้นประธานหอการค้าไทย –จีนคนใหม่ ดึงนักลงทุนจีนเร่งเครื่องอีอีซี

กรุงเทพฯ 10 ก.พ. -หอการค้าไทย –จีน เปิดตัว “ณรงค์ศักดิ์” ขึ้นเก้าอี้ประธานคนใหม่  ประกาศขับเคลื่อนองค์กรขึ้นแท่นองค์กรระหว่างประเทศชั้นนำในไทย หนุนเชื่อมการค้าและการลงทุนไทยและจีนผ่านนโยบาย One Belt One Road ของจีนและ “อีอีซี” ของไทย เชื่อไวรัสโคโรนาจะคลี่คลายโดยเร็ว  


นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล  ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน (Thai Chinese Chamber of Commerce หรือ Thai CC) สมัยที่ 27 เปิดเผยภายหลังการรับมอบตำแหน่งประธานหอการค้าไทย – จีน  วันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2563) ว่า พร้อมที่จะสานต่อภารกิจเพื่อความร่วมมือของทั้งสองประเทศในทุกมิติ พร้อมที่ยกระดับองค์กร Thai CC ก้าวไปสู่การเป็นองค์กรชั้นนำของกลุ่มองค์กรการค้าระหว่างประเทศ โดยหอการค้าไทย- จีน ถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีนมาอย่างยาวนานถึง 110 ปีและในฐานะที่เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย – จีนพร้อมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพื่อเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทยให้เชื่อมต่อกับนโยบายเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) ของจีนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตต่อไป 
ทั้งนี้มองว่า  หอการค้าไทย-จีนพร้อมที่จะร่วมมือกันดึงการลงทุนจากจีนเข้ามาไทย ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาให้ธุรกิจไทยร่วมมือกับจีนทั้งในประเทศไทยและในจีน ซึ่งเอสเอ็มอีของจีนนั้นถือเป็นธุรกิจที่ไม่เล็กเลย ซึ่งผมเองมีทีมงานที่จะร่วมมือกันคาดหวังว่าอย่างน้อยในปีนี้หอการค้าไทย-จีนจะดึงลงทุนเอสเอ็มอีของจีนมาลงทุนในไทย1-2 รายให้ได้ โดยนักลงทุนจีนทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอีต่างสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่องในเกือบทุกอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ซึ่งคาดว่าในปี 2563 การเข้ามาลงทุนในไทยจะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ภาครัฐมีชัดเจนในเรื่องนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอีอีซีทั้ง กฎหมาย การถือครองที่ดิน และการถือหุ้นตามอัตราส่วนที่เหมาะสมที่รายละเอียดบางอย่างยังไม่ชัดเจน เช่น กรณี การลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เห็นว่า ควรจะเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นมากกว่า 51 % ก็จะช่วยกระตุ้นการลงทุนได้อย่างมาก เป็นต้น
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศจีนและหลายประเทศกำลังประสบกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หอการค้าไทยเชื่อมั่นว่า จีนจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้จบลงได้ภายในไม่กี่เดือน และสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี โดยภายใน 2 เดือนนี้ตนจะเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนกับชาวจีน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาอาจจะกระทบกับภาคการผลิตของจีน จนต้องหยุดผลิตสินค้าหรือส่งวัตถุดิบบางประเภทให้ไทยก็ตาม ดังนั้นการที่จะทำให้การค้าขายกลับมาเหมือนเดิมต้องใช้เวลา ซึ่งภาพรวมการส่งออกของไทยอาจจะชะลอบ้างเล็กน้อยจากปัญหาดังกล่าว แต่ไทยยังมีคู่ค้าประเทศอื่นในการส่งออกเพิ่มเติม โดยยอมรับว่า ภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ได้รับผลกระทบหนักสุด คาดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 – 2 กว่าจะฟื้นตัวคงใช้เวลา 3 – 4 เดือน หากควบคุมโรคดังกล่าวได้การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวเร็วมาก
 
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศจีนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกซึ่งรวมถึงประเทศไทยเนื่องจากเป็นตลาดการค้าที่มีขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชาชนมากกว่า 1,300 ล้านคน ขณะเดียวกันจีนมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในประเทศเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนและไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้น Thai CC จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการค้าและการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในอนาคต โดยเฉพาะการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของชาวจีนโพ้นทะเลที่กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ โดยในช่วงการบริหารงาน ได้เตรียมแผนที่จะผลักดันให้เกิดการประชุมสมัชชาชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเชื่อมโยงการค้า และการลงทุน ที่จะขยายขอบเขตในการร่วมกันทางธุรกิจในขนาดใหญ่มากขึ้น
    
ขณะที่จีนถือเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยโดยในปี 2562 มียอดสั่งซื้อสินค้ามูลค่า 2.92 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.04 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.8% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) ปี 2562 พบว่านักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนในไทยสูงสุดด้วยมูลค่า 2.6 แสนล้านบาท และที่สำคัญนักท่องเที่ยวจากจีนยังครองแชมป์การท่องเที่ยวในไทยสูงสุด . – สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย