สภาฯถกญัตติตั้ง กมธ.ป้องกันรัฐประหาร

รัฐสภา 6 ก.พ.-สภาพิจารณาญัตติตั้ง กมธ.ป้องกันรัฐประหาร “ปิยบุตร” เสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญา ให้ประชาชนเป็นผู้เสียหาย แก้ รธน. ไม่ให้องค์กรตุลาการยอมรับคณะรัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้(6ก.พ.)นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ามีระเบียบวาระค้างอยู่ 116 เรื่อง โดยเริ่มด้วยการพิจารณาญัตติของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต

ก่อนการเข้าสู่การพิจารณาญัตติ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย หารือว่าญัตติที่กำลังจะพิจารณามีความสำคัญ เป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชน จึงอยากให้เปิดอภิปรายโดยไม่กำหนดกรอบเวลา ขณะที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรยืนยันว่า ผู้อภิปรายจะได้เวลาคนละไม่เกิน 10 นาที แต่ผู้เสนอญัตติสามารถอภิปรายได้ไม่มีกำหนดเวลา แต่ก็ขอให้คำนึงถึงตลอดเวลาด้วย


นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะผู้เสนอญัตติ ชี้แจงว่า ญัตตินี้เสนอตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2562 โดยมีสาระสำคัญเนื่องจากความไม่แน่นอนว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 จะถูกฉีกอีกครั้ง เพราะในอดีตที่ผ่านมา มีรัฐธรรมนูญหลายฉบับถูกฉีก หากยังไม่สามารถหามาตรการหรือแนวทางป้องกันการรัฐประหารที่ถูกต้องเหมาะสมได้ ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดรัฐประหารได้ตลอดเวลา จึงเป็นที่มาให้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เข้าชื่อเสนอญัตตินี้ พร้อมย้ำว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายใดหรือการกระทำใดที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญจะใช้บังคับมิได้

นายปิยบุตร ย้ำว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 เขียนไว้ว่า ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักร แบ่งแยกการปกครองส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ชัดเจนว่ากฎหมายทั้งในระดับรัฐธรรมนูญและระดับประมวลกฎหมายอาญาเขียนบัญญัติไว้ แต่ทำไมในทางความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยกลับมีรัฐประหารที่ทำสำเร็จเกิดขึ้นหลายครั้ง พร้อมยืนยันว่าการรัฐประหารที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการปราบโกง แต่เป็นการเปิดให้คณะนายทหารเข้ามายึดอำนาจและทำการทุจริตคอรัปชั่น ท้ายที่สุดก็ปราบโกงไม่สำเร็จและเกิดการคอรัปชั่นรูปแบบใหม่ๆ ไม่สามารถตรวจสอบได้ แล้วสุดท้ายก็จะออกเขียนในรัฐธรรมนูญเพื่อนิรโทษกรรมการกระทำของตัวเอง

นายปิยบุตร เสนอให้แก้ไขบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113/1 เสนอให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายในคดีความผิดกบฏในราชอาณาจักร เพื่อไม่ให้ศาลอ้างว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย ซึ่งหากมีการยึดอำนาจตนเองก็จะเดินทางไปฟ้องศาลแน่นอน และศาลต้องรับไว้วินิจฉัย เนื่องจากถือว่าประชาชนเป็นผู้เสียหาย และเสนอให้บัญญัติในรัฐธรรมนูญว่า ห้ามมิให้องค์กรตุลาการยอมรับการยึดอำนาจรัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์ รวมถึงรัฐธรรมนูญควรรับรองสิทธิและเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ในการต่อต้านรัฐประหาร ซึ่งในรัฐธรรมนูญของประเทศกรีซ ถือว่าคดีรัฐประหารเป็นคดีอาญาที่ไม่มีอายุความ พร้อมเสนอให้ประเทศไทยยอมรับสัตยาบันกรุงโรม อยู่ภายใต้อำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับหลายประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้ผู้ที่จะก่อการรัฐประหารรู้จักยับยั้งชั่งใจ 


นายปิยบุตร กล่าวว่า ทั้งการปฏิรูปกองทัพ มาตรการทางกฎหมาย มาตราการทางการเมือง และมาตรการทางการต่างประเทศ เป็นส่วนสำคัญที่จำเป็นต่อการยับยั้งการรัฐประหารในอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือการปลูกฝังความคิด หากประชาชน ข้าราชการ สื่อมวลชน พร้อมใจกันต่อต้าน เชื่อว่าการรัฐประหารก็จะไม่มีวันสำเร็จ ก็ขจัดความคิดว่ารัฐประหารคือยาวิเศษ คือเรื่องปกติในสังคมไทย จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต เพื่อแสดงจุดยืน ส.ส. เริ่มต้นการป้องกันไม่ให้การรัฐประหารเกิดขึ้นอีก

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาติ อภิปรายชี้ว่า ปัญหาสำคัญในการรัฐประหาร เพราะผู้ทำรัฐประหารได้อำนาจ เห็นได้จากผู้ทำรัฐประหารในอดีต เมื่อหมดอำนาจไปต่างร่ำรวยมหาศาล ทั้งๆที่อำนาจนี้เป็นของประชาชน อีกทั้งผลเสียจากการรัฐประหารที่สำคัญ คือการไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ เกิดผลกระทบอย่างมากทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เป็นการฉุดรั้งความเจริญของประเทศ ดังนั้นแนวคิดที่จะป้องกันการรัฐประหารในอนาคต คือการศึกษาหาแนวทางป้องกันการรัฐประหาร สร้างทหารอาชีพ ไม่ใช่ทหารการเมืองเพื่อขึ้นมาทำหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่ใช่เข้ามาทำหน้าที่ยึดอำนาจ ยกระดับคุณภาพทหารชั้นผู้น้อยให้มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ปลูกฝังให้ทหารเป็นคนอุทิศตน มีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ปลูกฝังให้ทหารเข้ามาแสวงหาอำนาจต้องการเป็นรัฐมนตรี หรือผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานสำคัญๆ และคอยสืบทอดอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง

ด้านส.ส.ฝ่ายรัฐบาลส่วนใหญ่ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการฯ อาทิ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า แม้รัฐธรรมนูญเขียนห้ามแล้ว แต่สุดท้ายการรัฐประหารก็เกิดขึ้น ซึ่งทางแก้ไขคือต้องรู้จักวัฒนธรรมการเมืองไทย เพราะการรัฐประหารสำเร็จได้ เนื่องจากบรรยากาศทางการเมือง

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า เชื่อว่าไม่มีเผด็จการรูปแบบใดที่จะดีกว่าระบอบประชาธิปไตย แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ เพราะการรัฐประหารเป็นเรื่องของคนบ้าอำนาจ เป็นวงจรอุบาทว์ เป็นนิสัยอันถาวรหรือสันดาน ส่วนนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ชี้ว่าการรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 เห็นแล้วว่าประชาชนให้การยอมรับการยึดอำนาจ เนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในจุดที่ไม่สามารถเดินต่อไปได้ จึงอยู่ที่นักการเมืองต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบรัฐสภา ไม่เปิดช่องว่างให้เกิดการรัฐประหารอีกในอนาคต และเชื่อว่าทหารยุคนี้เป็นทหารอาชีพ จะไม่เข้ามายึดอำนาจอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสมาชิก ได้อภิปรายเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ประธานในที่ประชุมกล่าวว่ามีสมาชิกต้องการอภิปรายญัตติดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงขอให้พิจารณาในการประชุมครั้งถัดต่อไป จากนั้นได้สั่งปิดการประชุมเวลา17.30น..-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]

อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ย่องให้ข้อมูลตำรวจกองปราบ

12 ก.ค. – อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร แอบย่องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบ เวลา 12.05 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เบื้องต้นส่วมชุด โปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าวันนี้เข้ามาให้ปากคำกรณีที่ ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสวัดโสธรฯ ไม่ตอบแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมต่ออีกว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่นั้น ด้านอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน.-414-สำนักข่าวไทย