รัฐบาล เตรียมอัดเงินสู่ระบบ รอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยงบปี 63

รร.เซ็นทาราแกรนด์ 6 ก.พ.- รัฐบาลเตรียมทางออก อัดเงินสู่ระบบ รอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยงบปี 63 ศุกร์นี้  คลังศึกษา ออกกองทุน TFF ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน  รอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญ ศุกร์นี้ อุตตมอนุมัติรายได้จากการส่งออก นำกลับประเทศ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดแรงกดดันบาทแข็งค่า 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างร่วมงาน Posttoday Forum 2020 “ถอดรหัสเศรษฐกิจปี 2020” ว่า  ยังคงยืนยันการทำงานเจตนาเดิม 2 ด้าน คือ ด้วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจไม่ถดถอย และสร้างความสมดุลเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ  เมื่อไทยยังเจอมรสุมงบประมาณล่าช้า ปัญหาสงครามเศรษฐกิจจีน-สหรัฐ แต่เชื่อมั่นว่า สหรัฐเลือกตั้งเมื่อไร เศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้น   สำหรับมรสุมจากปัญหาไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด ขอให้มั่นใจกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลป้องกันการแพร่เชื้อโรคได้ จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนก แม้ว่าช่วงนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เข้ามา จึงอยากผลักดันไทยเที่ยวไทย ท่องเที่ยวกันเอง เพื่อรักษาเศรษฐกิจในประเทศ โดยคลังเตรียมออกมาตรการมาส่งเสริมการท่องเที่ยวเร็วๆนี้ ทั้งชิมช้อปใช้เฟส 4  และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มเติม  

ยอมรับว่า ปัญหาอีกด้านคือ งบประมาณปี 63 คาดว่าอาจทำให้งบประมาณออกสู่ระบบได้ในเดือนพฤษภาคม โดยต้องรอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันศุกร์นี้ จึงเป็นภาระหนักของคลังเพราะเหลือเวลาเงินงบประมาณเพียง 4 – 5 เดือน ในปีนี้ จึงเตรียมแผนสำรองผลักโครงการที่ต้องใช้งบประมาณภายใน 1 ปี  ด้วยการระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน TFF  เพื่อขายหน่วยลงทุนให้ประชาชน หรือการให้กระทรวงการคลังออกพันธบัตรให้ขายกับประชาชน โดยจ่ายผลตอนแทนดอกเบี้ยสูงกว่าตลาด โดยไม่ต้องอาศัยเงินงบประมาณ หากคลังออกพันธบัตรดอกเบี้ยร้อยละ 3 น่าจะดึงดูดใจ  คาดว่าจะระดมทุนได้ไม่มีปัญหา  และเมื่อ กนง.ประกาศลดดอกเบี้ย ต้องให้ธนาคารช่วยกันลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศช่วงนี้  


ขณะนี้ คลัง สำนักงบประมาณได้กำลังหารือกัน  เพื่อผ่ามรสุม จากวันนี้ไปถึงครึ่งปี แม้งบประมาณใช้จ่ายไม่เต็มที่ ต้องประคองร่วมกัน ไม่ใช่โทษใครถูกใครผิด ทุกฝ่ายต้องเป็นหลักให้คนไทยไม่ตื่นกลัว หากจีดีพีขยายตัวได้น้อยเพียงร้อยละ 2 – 3 ถือว่าดีแล้ว ขณะที่หลายประเทศพัฒนาแล้ว เช่น เยอรมัน คาดการณ์ขยายไม่ถึงร้อยละ 1 ยกเว้น เวียดนาม อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ เพราะกำลังขยายตัวเหมือนกับไทยหลายปีก่อน เมื่อเขตอีอีซีชัดเจน ประกาศให้ชัดว่าศูนย์กลางในภูมิภาคคือ  ไทย  จึงต้องผลักดันโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน รองรับอุตสาหกรรมเข้ามาขยายการลงทุน  

เมื่อตั้งเขตอุตสาหกรรมในเขตอีอีซีแล้ว ต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อดึงคนเข้าไปท่องเที่ยวกรีนปาร์ค ผ่านเรือครูส เรือสำราญขนาดใหญ่ ด้วยการสร้างสตอรี่ต้อนรับการท่องเที่ยว ไทยต้องไม่หยุดนิ่ง  เมื่อเขตอีอีซี สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ต้องเร่งรัดประมูล 5 G เพราะเปลี่ยนแปลงการผลิต อุตสาหกรรมที่เข้ามายังเขตอีอีซีต้องใช้ 5 จีทั้งหมด ทำให้หลายค่ายมือถือต่างลงทุนระบบ 5 จี จึงต้องร่วมกันสร้างให้เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเติม 4 G เข้าไปด้วย เพราะภาคเกษตรต้องการแปรรูป มีนาคมนี้ ซิลิคอนวัลเล่ย์ เพื่อเข้ามาศูนย์ข้อมูล Big Data  

และสุดท้ายปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชุมชนในชนบท ยอมรับว่า ภาคเกษตร รายย่อย ยังต้องได้รับการช่วยเหลือ เพราะจีนประสบความสำเร็จค้าขายผ่านออนไลน์ 1 คน คือ 1 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงต้องสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ได้ ค้าขายไปทั่วโลก ขณะนี้ได้เปลี่ยนโมเดลการพัฒนาไปแล้ว รายย่อยเพียง 1 คน ช่วยพัฒนาประเทศได้ การท่องเที่ยวเมืองรอง เช่น พัทลุง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองอันดับหนึ่งของไทย สวนไผ่ขวัญใจ มีนักท่องเที่ยวเข้าไปสูงมากนับหมื่นคนต่อวันช่วงวันหยุด หากสร้างได้แบบนี้ เศรษฐกิจฐานรากจะพึ่งพาตนเองได้ อย่างเช่น  อิตาลี ยอมรับเอสเอ็มอีเข้มแข็งมาก นับว่าเป็นโมเดลตัวอย่างที่ดี แม้เจอปัญหาเศรษฐกิจจะผ่านพ้นไปได้  ส่วนการอภิปรายเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลต้องชี้แจง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล เมื่ออภิปรายแล้วหันกลับมาทำงานร่วมกัน ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย ผมไม่ใช่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 


นายอุตตม  สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยเจอมรสุมหลายลูก แม้งบประมาณรายจ่ายปี 63 เบิกจ่ายล่าช้า ขอย้ำว่าเงินเดือนราชการ ค่าใช้จ่ายไม่เป็นปัญหา  เพราะ ครม. เห็นชอบให้เบิกจ่ายรายได้ประจำสัดส่วนร้อยละ 75 ของวงเงินทั้งหมด  จึงไม่น่าเป็นห่วง แต่เงินลงทุนยังทำไม่ได้ จึงเตรียมพร้อม โดยช่วงนี้ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญออกบัลลังก์วินิจฉัยงบประมาณรายจ่ายปี 63 ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ ขอรอลุ้นคำวินิจฉัยของศาล  กระทรวงการคลังได้เตรียมการเพื่อให้มีเงินลงทุนใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะล่าช้าไปนานแล้ว  ขณะที่การลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวต้องขับเคลื่อน  กรณี กนง.ลดดอกเบี้ย นับว่าเป็นปัจจัยส่งเสริมการลงทุน ต่างชาติมองว่าทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยยังเข้มแข็ง จึงมีความเชื่อมั่น ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน  สำหรับการอนุมัติผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้ผู้ส่งออก ขยายวงเงินรายได้จากการส่งออกนำกลับเข้าประเทศ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ ปรับเพิ่มเป็น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ส่งออก และลดแรงกดดันต่อเงินบาทแข็งค่า ไม่ต้องรีบเร่งนำเงินกลับเขาประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลเงินไหลเข้าออกในระยะยาว

นอกจากนี้ ยังเน้นนโยบายการคลัง ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ นโยบายการคลังเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ หวังแก้ปัญหาความยากจน การคลังเพื่อเตรียมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ต้องจัดเตรียมงบประมาณรองรับ ส่งเสริมเอกชนเข้ามาร่วม การออมระยะยาวให้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ กระทรวงคลังต้องการสนับสนุนประเทศเติบโตด้วยขีดความสามารถ ยั่งยืน เข้มแข็ง และเติบโตกระจายอย่างทั่งถึงทุกภูมิภาค การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เมื่อเกิดปัญหาอาการหนักจะคลี่คลายเป็นเบา นโยบายการคลัง จึงต้องเข้ามาดูแล การใช้เครือข่ายแบงก์รัฐและหน่วยงานอื่นมารองรับ เช่น ธ.ก.ส. ร่วมมือผลักดันเกษตรฐานราก ธ.ออมสิน ช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอีแบงก์ ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ขณะที่ ธ.กรุงไทย จัดทำข้อมูล Big Data พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ เพื่อจัดทำสวัสดิการฯของประชาชน ขยายนโยบายสังคมไร้เงินสด 

สถานการณ์ช่วงนี้ เหมาะสำหรับการขยายการลงทุน  ผู้ประกอบการต้องลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องมือ เครื่องจักร ขยายการลงทุน เพราะหักลดหย่อนภาษี 2.5 เท่าของค่าใช้จ่าย เพื่อปรับเปลี่ยนประเทศ หากจัดสัมมนานำค่าใช้จ่าย หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ส่วนโรงแรม รีสอร์ท ลงทุนปรับปรุงอาคารที่พัก  หักลดหย่อน 1.5 เท่า และแบงก์รัฐบาลสินเชื่อพิเศษ ช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัญหาไว้รัสโคโรนา พร้อมร่วมมือกับ ธปท. ดูแลเศรษฐกิจร่วมกัน  ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ต้องทำงานใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนสิ่งใหม่ๆ ตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ใช่รอบริษัทพร้อม ออกมาระดมทุน แต่ต้องมองกลับมุม ออกไปช่วยเหลือตั้งแต่ต้นทาง ปรับมุมมองใหม่ ส่งเสริม ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ลิสซิ่ง  

นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยผ่านวิกฤติปัญหาความผันผวนมาจำนวนมาก ทั้งปัญหาไข้หวัดนก โรคซาร์ วิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่ตลาดหุ้นไทยใช้เวลาพื้นตัวไม่เกิน 10 เดือน  เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง เพราะหนี้สาธารณะยังต่ำสัดส่วนเพียงร้อยละ  41 ของจีดีพี  แม้รัฐบาลจะกู้ยืมเงินเพิ่มเติมช่วงนี้ยังทำได้ไม่กระทบฐานะทางการเงิน สถาบันการเงินของไทยเข้มแข็งมากสัดส่วนทุนสำรองแบงก์สูงร้อยละ 16.8  จากเดิมช่วงที่ผ่านมาเพียง 4-5 ขณะที่บริษัทจดทะเบียน มีศักยภาพในการทำกำไรได้สัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับจีดีพีของกลุ่มอุตสาหกรรม ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียน มีปริมาณการซื้อขายมากกว่าสิงคโปร์ 2 เท่า และสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน 

ขณะที่หุ้นจดทะเบียนใหม่ในแต่ละปีสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และขนาดมูลค่าเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์  พื้นฐานของตลาดหลักทรัพย์ไทยดังกล่าว  จึงเป็นสิ่งยืนยันสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน และฟื้นตัวเร็วเพื่อเจอวิกฤติต่างๆ บริษัทจดทะเบียนของไทยจึงเติบโต ขยายกิจการต่อเนื่อง มีความหลากหลายในการระดมทุน ทั้งตลาด SET, mai และผลิตภัณฑ์ระดมทุนหลากหลาย  ตลาดหุ้นไทยยังเป็นโอกาสต่อการลงทุนในช่วงทิศทางดอกเบี้ยต่ำ ในปี 2020 จึงยังเป็นโอกาสในการลงทุนผ่านตลาดหุ้นไทย . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.สั่งเยียวยา ตรวจสอบเหตุ ฮ.ตำรวจตก

ประจวบคีรีขันธ์ 24 พ.ค. – ลำเลียงร่างตำรวจ 3 นาย เสียชีวิตจาก ฮ.ตก ส่งชันสูตร ด้าน ผบ.ตร.สั่งเยียวยาเต็มที่ ให้เร่งตรวจสอบหาสาเหตุโดยด่วน ช่วงบ่ายของวันนี้ เกิดเหตุ เฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสบอุบัติเหตุ ระเบิดกลางอากาศ จนมีตำรวจเสียชีวิต 3 นาย จุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ประสบเหตุเป็นรุ่น เบล 212 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะบินกลับที่หน่วย ตชด. จังหวัดกาญจนบุรี อุบัติเหตุในครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 นาย ประกอบด้วยนักบิน 2 คน คือ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ, ร.ต.ท.ทรงพล บุญชัย และ ช่างเครื่อง 1 คน คือ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ […]

ฮ.ตำรวจตก จ.ประจวบฯ เสียชีวิต 3 นาย

ประจวบฯ 24 พ.ค. – คืบหน้าเหตุเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกในพื้นที่ จ.ประจวบฯ พบผู้เสียชีวิต 3 นาย เป็นนักบิน 2 ช่างเครื่อง 1 ความคืบหน้าเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกในพื้นที่ใกล้เคียงวัดหนองพังพวย ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 13.10 น. มีผู้เสียชีวิต 3 นายคือ พันตำรวจตรีประเทือง ชูเลิศ นักบิน ร้อยตำรวจเอกทรงพล บุญชัย นักบิน และร้อยตำรวจโททินกฤต สุวรรณน้อย ช่างเครื่อง สำหรับภารกิจขึ้นบิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ขึ้นจากท่าแร้งไปต่างจังหวัด หรือเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการในพื้นที่แล้วปฏิบัติภารกิจ ล่าสุดมีภาพผู้เสียชีวิตบางส่วน และบางรายโดดร่มลงจากเฮลิคอปเตอร์ แต่รายละเอียดยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายโมงที่ผ่านมา และทุกอย่างยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ เบล 212 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นบินจากค่ายอาภากรเกียรติวงศ์ จ.ชุมพร ปลายทางค่ายนเรศวร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 นายและครอบครัว สั่งการเร่งด่วนให้ช่วยเหลือเยียวยา และตรวจสอบสาเหตุต่อไป.-สำนักข่าวไทย

สายลับไรเดอร์ ตามจับบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์

เชียงใหม่ 24 พ.ค.-ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ปลอมตัวเป็นไรเดอร์ สะกดรอยตามจับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักท่องเที่ยวผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เปิดให้จองที่พักทิพย์ตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัด เสียหายมากถึงวันละ 300,000 บาท โดยมีเงินโอนเข้าบัญชีม้าไม่ต่ำกว่า 50 บัญชี แก๊งนี้ทำมาแล้วกว่า 6 เดือน ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ นำหมายจับศาลเชียงใหม่ ติดตามจับกุมนายบุญ (หนุ่มชาติพันธุ์) คาห้องเช่า ใกล้พรมแดน ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ คดีหลอกลวงทางออนไลน์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง เครื่องนับเงินสด และเงินสดอีกจำนวน 20,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด หลายรายการ ซุกซ่อนในตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้ ยังขยายผลจับกุมผู้ต้องหา ที่เปิดบัญชีม้า ในการรับโอนเงินได้อีก 3 คน และอยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติม โดยเฉพาะคนที่จัดหาบัญชีม้า และโทรศัพท์มือถือ สำหรับใช้ในการกระทำความผิดกับผู้ต้องหา ด้าน พันตำรวจโท อวิรุทธ์ สุขแย้ม […]

ทหารเมียนมา ต้านไม่ไหว ฐานเจดีย์ขาวเบอโด้ แตกแล้ว

ตาก 24 พ.ค.-ทหารเมียนมา ต้านไม่ไหว ฐานเจดีย์ขาวเบอโด้ แตกแล้ว ถึงแม้ว่าทหารเมียนมาจะใช้เครื่องบินมาทิ้งระเบิดตลอดทั้งวัน พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร เปิดเผยถึงสถานการณ์สู้รบบริเวณแนวชายแดน ประเทศเมียนมา ที่ติดอยู่กับประเทศไทย การสู้รบอยู่บริเวณด้านตรงข้าม บ.ห้วยน้ำนัก ม.4 ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1 กิโลเมตร โดยหลังจากทหารเมียนมา ใช้อากาศยาน แบบ Y-12 บินตรวจการณ์และทิ้งระเบิด จำนวนประมาณ 30 ลูก โจมตี กกล.KNLA บริเวณพื้นที่โดยรอบ ฐานเจดีย์ขาว บ.เบอโด้ อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา เพื่อสนับสนุนการป้องกันฐานที่มั่น หลังจากถูก กกล.KNLA ปิดล้อมและโจมตี แต่ก็ไม่สามารถต้านทาน กกล.KNLA ได้ กระทั้งเวลา 19.00 น. กกล.KNLA สามารถเข้าควบคุมฐานเจดีย์ขาว ได้สำเร็จ สามารถตรวจยึดอาวุธและยุทโธปกรณ์ได้หลายรายการ […]

ข่าวแนะนำ

เคลื่อนร่าง 2 นายตำรวจ ฮ.ตก ถึงวัดนวลจันทร์แล้ว

25 พ.ค.- เคลื่อนร่าง 2 นายตำรวจ เหตุ ฮ.ตก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถึงวัดนวลจันทร์แล้ว เตรียมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 17.00 น.วันนี้ จากกรณีวันที่ 24 พ.ค. เฮลิคอปเตอร์ รุ่นเบลล์ 212 หมายเลขประจำเครื่อง 2215 ประจำหน่วยบินตำรวจกาญจนบุรี ประสบอุบัติเหตุตกในบริเวณพื้นที่บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แก่ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ (ตำแหน่งนักบิน สบ 2) อายุ 33 ปี ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย (ตำแหน่งนักบิน สบ 1) อายุ 34 ปี และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย (ตำแหน่งช่างอากาศยาน สบ 1) อายุ 55 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้งหมด […]

งดเล่นน้ำตกแม่สา หลังฝนตกหนักน้ำขุ่นเชี่ยว

เชียงใหม่ 25 พ.ค.- อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย งดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตกแม่สา หลังฝนตกหนักตลอดคืน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก สำนักทรัพยากรน้ำที่ 1 ออกประกาศเตือนภัยเตรียมพร้อม (ระดับสีเหลือง) ที่บ้านหนองหอย ต.โป่งแยง อำเภอแม่ริม ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 103. มิลลิเมตร ทำให้ทางนายธงชัย นาราษฎร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย ได้มีคำสั่ง งดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตกแม่สา หลังเกิดฝนตกหนักสะสม ทำให้น้ำตกแม่สา มีสีขุ่นแดง กระแสน้ำเชี่ยว ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชมธรรมชาติได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ เช่นเดียวกับที่อุทยานแห่งชาติออบขาน ประกาศปิดการท่องเที่ยว และพักแรมชั่วคราว สถานการณ์แม่น้ำขาน วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติออบขาน ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางอุทยานจะรีบอัปเดตสถานการณ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนลุ่มน้ำขานเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะตั้งแต่บ้านห้วยโท้ง ตำบลน้ำบ่อหลวง อำเภอสันป่าตองลงไป เฝ้าระวัง เนื่องจากระดับน้ำที่ผ่านหน้าอุทยานฯ ลงไป มีมวลน้ำจากอำเภอสะเมิง ไหลลงมาเติมต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

จนท.ลงพื้นที่เก็บชิ้นส่วน ฮ.ตำรวจตก

ประจวบคีรีขันธ์ 25 พ.ค. – เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จุดเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตก บริเวณ ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เก็บชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายตามบ้านเรือนและไร่สวนของชาวบ้าน พร้อมกั้นโดยรอบ ป้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้อง บรรยากาศจุดเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตก พื้นที่หมู่ 1 บ้านหนองกก ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่เกิดเหตุ พร้อมนำโปลิศไลน์มากั้นโดยรอบพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สารวัตรเวร เจ้าของคดี ลงพื้นที่เก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมนำทีมชุดพนักงานสอบสวน นำโดรนบินถ่ายภาพมุมสูง เพื่อตรวจสอบว่าชิ้นส่วนของเครื่องบินที่แตกกระจัดกระจายอยู่บริเวณจุดไหนบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ทยอยเก็บชิ้นส่วนที่ตกกระจัดกระจายตามบ้านเรือนและไร่สวนของชาวบ้าน มารวบรวมไว้บริเวณเต็นท์อำนวยการจุดที่ตัวเครื่องบินตก และรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการ ส่วนเศษชิ้นส่วนเครื่องบินบางส่วนที่รวบรวมได้ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา หรือต้องรอเจ้าหน้าที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินมาตรวจอย่างละเอียดก่อน ในส่วนของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากชิ้นส่วนเครื่องบินตกใส่หลังคาเสียหายเป็นรู ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บชิ้นส่วนออกไปแล้ว ส่วนชิ้นส่วนหางขนาดใหญ่ที่ตกเฉียดบ้านของชาวบ้านที่อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร นางใย ชาวบ้านที่ถูกชิ้นส่วนเครื่องบินตกใส่หลังคาเป็นรู เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะเกิดเหตุเครื่องบินตกตนเองพร้อมด้วยหลานอีก 2 คน ไปนั่งอยู่หลังบ้าน ต่อมาได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินผ่านหลังคาบ้านมา และได้ยินเสียงปะทุ ดังติดต่อกัน 3 ครั้ง ซึ่งเห็นหางเครื่องบินตกลงมาก่อน ก่อนตัวเครื่องบินจะตกลง นอกจากนี้ได้ยินวัตถุชนิดหนึ่งตกลงบนหลังคาบ้าน จึงเข้ามาดูในบ้านพบว่าหลังคาเป็นรู และมีวัสดุตกลงมาอยู่ที่พื้น […]

นึกว่าสงคราม! โจ๋ยกพวกไล่ถล่มปาระเบิด

สมุทรปราการ 25 พ.ค.- แพรกษาเดือด! วัยรุ่นหลายสิบคนยกพวกปาระเบิดกลางถนน กว่า 10 ลูก ถล่มกันจนชาวบ้านผวาต้องหาที่กำบังหนีตาย กล้องวงจรปิดริมถนน ซอยมังกรขันดี ใกล้ตลาดแสงทอง ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จับภาพกลุ่มวัยรุ่น พากันขี่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง ท่อเสียงดัง ขับวนไปมาภายในซอยดังกล่าว ก่อนเปิดฉากปาระเบิดปิงปองไม่ต่ำกว่า 15 ลูก ใส่กันกลางถนน จนเกิดเสียงดังสนั่น ชาวบ้านหลายคนต้องวิ่งหาที่หลบภัย ขณะที่รถบางคัน ไม่กล้าขับผ่านต้องรีบวนรถกลับ หวั่นโดนลูกหลง กลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคน นอกจากจะมีระเบิดปิงปองที่เตรียมมาปาถล่มใส่กันแล้ว ยังมีอาวุธมีดตะขอ ติดมือมาไล่ห้ำหั่นกันอย่างกับสงครามกลางเมือง หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเศษชิ้นส่วนระเบิดปิงปองแตกกระจายเกลื่อนถนน ส่วนวัยรุ่นที่ยกพวกตีกัน แยกย้ายกันไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง ตำรวจกระจายกำลังหาข้อมูล จนทราบว่า มีวัยรุ่นกว่า 20 คน ยกพวกไล่ทำร้ายกัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง 2 ราย เจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะกำลังซื้อข้าวอยู่ตรงตลาดบ่อทอง ได้ยินเสียงระเบิด 3 […]