รัฐบาล เตรียมอัดเงินสู่ระบบ รอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยงบปี 63

รร.เซ็นทาราแกรนด์ 6 ก.พ.- รัฐบาลเตรียมทางออก อัดเงินสู่ระบบ รอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยงบปี 63 ศุกร์นี้  คลังศึกษา ออกกองทุน TFF ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน  รอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญ ศุกร์นี้ อุตตมอนุมัติรายได้จากการส่งออก นำกลับประเทศ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดแรงกดดันบาทแข็งค่า 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างร่วมงาน Posttoday Forum 2020 “ถอดรหัสเศรษฐกิจปี 2020” ว่า  ยังคงยืนยันการทำงานเจตนาเดิม 2 ด้าน คือ ด้วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจไม่ถดถอย และสร้างความสมดุลเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ  เมื่อไทยยังเจอมรสุมงบประมาณล่าช้า ปัญหาสงครามเศรษฐกิจจีน-สหรัฐ แต่เชื่อมั่นว่า สหรัฐเลือกตั้งเมื่อไร เศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้น   สำหรับมรสุมจากปัญหาไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด ขอให้มั่นใจกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลป้องกันการแพร่เชื้อโรคได้ จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนก แม้ว่าช่วงนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เข้ามา จึงอยากผลักดันไทยเที่ยวไทย ท่องเที่ยวกันเอง เพื่อรักษาเศรษฐกิจในประเทศ โดยคลังเตรียมออกมาตรการมาส่งเสริมการท่องเที่ยวเร็วๆนี้ ทั้งชิมช้อปใช้เฟส 4  และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มเติม  

ยอมรับว่า ปัญหาอีกด้านคือ งบประมาณปี 63 คาดว่าอาจทำให้งบประมาณออกสู่ระบบได้ในเดือนพฤษภาคม โดยต้องรอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันศุกร์นี้ จึงเป็นภาระหนักของคลังเพราะเหลือเวลาเงินงบประมาณเพียง 4 – 5 เดือน ในปีนี้ จึงเตรียมแผนสำรองผลักโครงการที่ต้องใช้งบประมาณภายใน 1 ปี  ด้วยการระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน TFF  เพื่อขายหน่วยลงทุนให้ประชาชน หรือการให้กระทรวงการคลังออกพันธบัตรให้ขายกับประชาชน โดยจ่ายผลตอนแทนดอกเบี้ยสูงกว่าตลาด โดยไม่ต้องอาศัยเงินงบประมาณ หากคลังออกพันธบัตรดอกเบี้ยร้อยละ 3 น่าจะดึงดูดใจ  คาดว่าจะระดมทุนได้ไม่มีปัญหา  และเมื่อ กนง.ประกาศลดดอกเบี้ย ต้องให้ธนาคารช่วยกันลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศช่วงนี้  


ขณะนี้ คลัง สำนักงบประมาณได้กำลังหารือกัน  เพื่อผ่ามรสุม จากวันนี้ไปถึงครึ่งปี แม้งบประมาณใช้จ่ายไม่เต็มที่ ต้องประคองร่วมกัน ไม่ใช่โทษใครถูกใครผิด ทุกฝ่ายต้องเป็นหลักให้คนไทยไม่ตื่นกลัว หากจีดีพีขยายตัวได้น้อยเพียงร้อยละ 2 – 3 ถือว่าดีแล้ว ขณะที่หลายประเทศพัฒนาแล้ว เช่น เยอรมัน คาดการณ์ขยายไม่ถึงร้อยละ 1 ยกเว้น เวียดนาม อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ เพราะกำลังขยายตัวเหมือนกับไทยหลายปีก่อน เมื่อเขตอีอีซีชัดเจน ประกาศให้ชัดว่าศูนย์กลางในภูมิภาคคือ  ไทย  จึงต้องผลักดันโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน รองรับอุตสาหกรรมเข้ามาขยายการลงทุน  

เมื่อตั้งเขตอุตสาหกรรมในเขตอีอีซีแล้ว ต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อดึงคนเข้าไปท่องเที่ยวกรีนปาร์ค ผ่านเรือครูส เรือสำราญขนาดใหญ่ ด้วยการสร้างสตอรี่ต้อนรับการท่องเที่ยว ไทยต้องไม่หยุดนิ่ง  เมื่อเขตอีอีซี สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ต้องเร่งรัดประมูล 5 G เพราะเปลี่ยนแปลงการผลิต อุตสาหกรรมที่เข้ามายังเขตอีอีซีต้องใช้ 5 จีทั้งหมด ทำให้หลายค่ายมือถือต่างลงทุนระบบ 5 จี จึงต้องร่วมกันสร้างให้เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเติม 4 G เข้าไปด้วย เพราะภาคเกษตรต้องการแปรรูป มีนาคมนี้ ซิลิคอนวัลเล่ย์ เพื่อเข้ามาศูนย์ข้อมูล Big Data  

และสุดท้ายปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชุมชนในชนบท ยอมรับว่า ภาคเกษตร รายย่อย ยังต้องได้รับการช่วยเหลือ เพราะจีนประสบความสำเร็จค้าขายผ่านออนไลน์ 1 คน คือ 1 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงต้องสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ได้ ค้าขายไปทั่วโลก ขณะนี้ได้เปลี่ยนโมเดลการพัฒนาไปแล้ว รายย่อยเพียง 1 คน ช่วยพัฒนาประเทศได้ การท่องเที่ยวเมืองรอง เช่น พัทลุง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองอันดับหนึ่งของไทย สวนไผ่ขวัญใจ มีนักท่องเที่ยวเข้าไปสูงมากนับหมื่นคนต่อวันช่วงวันหยุด หากสร้างได้แบบนี้ เศรษฐกิจฐานรากจะพึ่งพาตนเองได้ อย่างเช่น  อิตาลี ยอมรับเอสเอ็มอีเข้มแข็งมาก นับว่าเป็นโมเดลตัวอย่างที่ดี แม้เจอปัญหาเศรษฐกิจจะผ่านพ้นไปได้  ส่วนการอภิปรายเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลต้องชี้แจง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล เมื่ออภิปรายแล้วหันกลับมาทำงานร่วมกัน ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย ผมไม่ใช่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 


นายอุตตม  สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยเจอมรสุมหลายลูก แม้งบประมาณรายจ่ายปี 63 เบิกจ่ายล่าช้า ขอย้ำว่าเงินเดือนราชการ ค่าใช้จ่ายไม่เป็นปัญหา  เพราะ ครม. เห็นชอบให้เบิกจ่ายรายได้ประจำสัดส่วนร้อยละ 75 ของวงเงินทั้งหมด  จึงไม่น่าเป็นห่วง แต่เงินลงทุนยังทำไม่ได้ จึงเตรียมพร้อม โดยช่วงนี้ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญออกบัลลังก์วินิจฉัยงบประมาณรายจ่ายปี 63 ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ ขอรอลุ้นคำวินิจฉัยของศาล  กระทรวงการคลังได้เตรียมการเพื่อให้มีเงินลงทุนใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะล่าช้าไปนานแล้ว  ขณะที่การลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวต้องขับเคลื่อน  กรณี กนง.ลดดอกเบี้ย นับว่าเป็นปัจจัยส่งเสริมการลงทุน ต่างชาติมองว่าทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยยังเข้มแข็ง จึงมีความเชื่อมั่น ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน  สำหรับการอนุมัติผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้ผู้ส่งออก ขยายวงเงินรายได้จากการส่งออกนำกลับเข้าประเทศ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ ปรับเพิ่มเป็น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ส่งออก และลดแรงกดดันต่อเงินบาทแข็งค่า ไม่ต้องรีบเร่งนำเงินกลับเขาประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลเงินไหลเข้าออกในระยะยาว

นอกจากนี้ ยังเน้นนโยบายการคลัง ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ นโยบายการคลังเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ หวังแก้ปัญหาความยากจน การคลังเพื่อเตรียมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ต้องจัดเตรียมงบประมาณรองรับ ส่งเสริมเอกชนเข้ามาร่วม การออมระยะยาวให้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ กระทรวงคลังต้องการสนับสนุนประเทศเติบโตด้วยขีดความสามารถ ยั่งยืน เข้มแข็ง และเติบโตกระจายอย่างทั่งถึงทุกภูมิภาค การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เมื่อเกิดปัญหาอาการหนักจะคลี่คลายเป็นเบา นโยบายการคลัง จึงต้องเข้ามาดูแล การใช้เครือข่ายแบงก์รัฐและหน่วยงานอื่นมารองรับ เช่น ธ.ก.ส. ร่วมมือผลักดันเกษตรฐานราก ธ.ออมสิน ช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอีแบงก์ ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ขณะที่ ธ.กรุงไทย จัดทำข้อมูล Big Data พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ เพื่อจัดทำสวัสดิการฯของประชาชน ขยายนโยบายสังคมไร้เงินสด 

สถานการณ์ช่วงนี้ เหมาะสำหรับการขยายการลงทุน  ผู้ประกอบการต้องลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องมือ เครื่องจักร ขยายการลงทุน เพราะหักลดหย่อนภาษี 2.5 เท่าของค่าใช้จ่าย เพื่อปรับเปลี่ยนประเทศ หากจัดสัมมนานำค่าใช้จ่าย หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ส่วนโรงแรม รีสอร์ท ลงทุนปรับปรุงอาคารที่พัก  หักลดหย่อน 1.5 เท่า และแบงก์รัฐบาลสินเชื่อพิเศษ ช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัญหาไว้รัสโคโรนา พร้อมร่วมมือกับ ธปท. ดูแลเศรษฐกิจร่วมกัน  ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ต้องทำงานใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนสิ่งใหม่ๆ ตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ใช่รอบริษัทพร้อม ออกมาระดมทุน แต่ต้องมองกลับมุม ออกไปช่วยเหลือตั้งแต่ต้นทาง ปรับมุมมองใหม่ ส่งเสริม ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ลิสซิ่ง  

นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยผ่านวิกฤติปัญหาความผันผวนมาจำนวนมาก ทั้งปัญหาไข้หวัดนก โรคซาร์ วิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่ตลาดหุ้นไทยใช้เวลาพื้นตัวไม่เกิน 10 เดือน  เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง เพราะหนี้สาธารณะยังต่ำสัดส่วนเพียงร้อยละ  41 ของจีดีพี  แม้รัฐบาลจะกู้ยืมเงินเพิ่มเติมช่วงนี้ยังทำได้ไม่กระทบฐานะทางการเงิน สถาบันการเงินของไทยเข้มแข็งมากสัดส่วนทุนสำรองแบงก์สูงร้อยละ 16.8  จากเดิมช่วงที่ผ่านมาเพียง 4-5 ขณะที่บริษัทจดทะเบียน มีศักยภาพในการทำกำไรได้สัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับจีดีพีของกลุ่มอุตสาหกรรม ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียน มีปริมาณการซื้อขายมากกว่าสิงคโปร์ 2 เท่า และสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน 

ขณะที่หุ้นจดทะเบียนใหม่ในแต่ละปีสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และขนาดมูลค่าเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์  พื้นฐานของตลาดหลักทรัพย์ไทยดังกล่าว  จึงเป็นสิ่งยืนยันสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน และฟื้นตัวเร็วเพื่อเจอวิกฤติต่างๆ บริษัทจดทะเบียนของไทยจึงเติบโต ขยายกิจการต่อเนื่อง มีความหลากหลายในการระดมทุน ทั้งตลาด SET, mai และผลิตภัณฑ์ระดมทุนหลากหลาย  ตลาดหุ้นไทยยังเป็นโอกาสต่อการลงทุนในช่วงทิศทางดอกเบี้ยต่ำ ในปี 2020 จึงยังเป็นโอกาสในการลงทุนผ่านตลาดหุ้นไทย . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้า รอนายกฯ แถลงหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย

ทำเนียบ 28 ส.ค.-จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้ารอ “แพทองธาร” นายกฯ แถลง หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบทีมทนายความ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงสนทนา “สมเด็จฮุน เซน” ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 14.00 น. เพื่อติดตามรับชมการถ่ายทอดสดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และจัดเตรียมห้องสีม่วง สำหรับรัฐมนตรีที่มาให้กำลังใจ ร่วมรับฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมกัน ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการอ่านคำวินิจฉัย นายกฯ จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน บริเวณโถงกลาง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า และจะเดินทางกลับออกไปในทันที โดยคาดว่าจะไม่เปิดให้สื่อมวลชนได้ซักถาม ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากทำเนียบฯ ต้องจับตาว่า น.ส.แพทองธาร จะเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อพบกับสมาชิก สส. และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือไม่ เพราะสมาชิก […]