บอร์ดอีอีซี ไฟเขียวเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมอีก 5 แห่ง

กรุงเทพฯ 28 ส.ค.-บอร์ด อีอีซี ไฟเขียวเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม อีก 5 แห่ง

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2568 วันที่ 28 สิงหาคม 2568 โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นเลขานุการการประชุมฯ ทั้งนี้ กพอ. ได้พิจารณา และมีมติในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้


1.เห็นชอบ การประกาศกำหนดเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม จำนวน 5 แห่ง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.1เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (บางปะกง) กลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟไทยยั่งยืน โดย บริษัท เขาช่อง กรุ๊ป จำกัด เสนอคำขอจัดตั้งฯ เนื้อที่ประมาณ 215 ไร่ บริเวณตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวสุขภาพ การเกษตรและการแปรรูปอาหาร คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 6,960 ล้านบาท ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในชุมชน เป็นศูนย์การเรียนรู้กาแฟไทย และการผลิตกาแฟส่งเสริมการประกอบอาชีพของชุมชน เกษตรกร ผลักดันให้เกิดการจ้างงานประมาณ 200 คน โดยคาดว่าเมื่อดำเนินโครงการฯ เต็มรูปแบบ จะมีความต้องการเมล็ดกาแฟสูงถึง 8 ล้านกิโลกรัมต่อปี ทั้งนี้ ให้ สกพอ. กำหนดเงื่อนไขในหนังสือรับรองประกอบการเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการภายใน 1 ปี และสามารถใช้พื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษข้างต้นเท่านั้น

1.2เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่ง
ประเทศไทย (กนอ.) เนื้อที่รวมประมาณ 12,490 ไร่ บริเวณเทศบาลเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น คาดว่าจะเกิดการลงทุนประมาณ 77,480 ล้านบาท และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ ที่เชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
มาบตาพุด ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง สนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาทั้งจากภาครัฐและเอกชน


1.3เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง โดย บริษัท ไทรเบคก้า จำกัด เนื้อที่ประมาณ 4,318 ไร่ บริเวณตำบลสำนักทอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ ดิจิทัล การแปรรูปอาหาร เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร เป็นต้น คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 100,000 ล้านบาท สามารถดึงดูดนักลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมการกระจายรายได้สู่พื้นที่โดยรอบ คาดว่าจะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 16,000 คน

1.4เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและสุขภาพครบวงจร ไลฟ์สเฟียร์ (พัทยา) โดย บริษัท วีซี ทรีต จำกัด เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ บริเวณตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร สถานบริการการแพทย์ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เช่น การศัลยกรรมใบหน้าและโครงหน้า ทันตกรรมเชิงลึก ดูแลผู้สูงอายุระดับพรีเมี่ยม คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,478 ล้านบาท ดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาพัฒนาความร่วมมือด้านการแพทย์ สร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศ ทั้งนี้ ให้ สกพอ. กำหนดเงื่อนไขในหนังสือรับรองประกอบการเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการภายใน 1 ปี และสามารถใช้พื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษข้างต้นเท่านั้น

1.5เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สถานีแอลเอ็นจีมาบตาพุด แห่งที่ 2 โดย บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด เนื้อที่ประมาณ 343 ไร่ บริเวณตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง รองรับอุตสาหกรรมกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 21,012 ล้านบาท เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยแอลเอ็นจี ถือเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงหลักเพื่อผลิตไฟฟ้า และยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากการแปรสภาพแอลเอ็นจี จัดแสดงพืชเมืองหนาว เช่น ทิวลิป ลิลลี่ สตรอเบอรี่
เพื่อดึงดูดสร้างการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อไป


2.เห็นชอบ การเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่
2.1เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 4 ตามที่ได้รับประกาศฯ เดิม ขอเปลี่ยนแปลงเป็น เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และขอขยายเนื้อที่จากประมาณ 1,900 ไร่ เป็นประมาณ 2,782 ไร่ โดยจะสามารถรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์และสุขภาพครบวงจร คาดว่าจะเกิดมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 45,000 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 3,000 คน และขยายโอกาสทางธุรกิจต่อเนื่องไปถึงระดับชุมชน เช่น ร้านค้า โรงแรม หอพัก เป็นต้น

2.2เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง 36 จังหวัดระยอง ตามที่ได้รับประกาศฯ เดิม ขอเปลี่ยนแปลงเป็น เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 และขอขยายเนื้อที่จากประมาณ 1,281 ไร่ เป็นประมาณ 1,759 ไร่ โดยจะสามารถรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแปรรูปอาหาร พัฒนาบุคลากรและการศึกษา คาดว่าจะเกิดมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 27,000 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 4,500 คน ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่

3.เห็นชอบ การปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) จากการดำเนินโครงการตามหลักการร่วมลงทุนตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) เป็น การดำเนินการตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และเพื่อให้ กนอ. ได้นำพื้นที่ขนาด 350 ไร่
ไปดำเนินการหาผู้เช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจท่าเรือเฉพาะกิจ อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด หรือคลังน้ำมันสำรอง ต่อไป

4.นอกจากนั้น กพอ. ได้รับทราบ เรื่องการศึกษาความเหมาะสมในการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สืบเนื่องจาก คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้เข้าหารือข้อเสนอทางเศรษฐกิจต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเสนอแนะเร่งด่วน คือ การเพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นอีก 1 จังหวัด ที่จะรวมอยู่ในพื้นที่อีอีซี ทั้งนี้ ปัจจุบัน
สกพอ. ได้อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาถึงความเหมาะสม และศักยภาพของพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ในการขยายเป็นพื้นที่อีอีซี ให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งศักยภาพ โอกาส และแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมถึงศึกษาประมาณการความต้องการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ และผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนดบทบาทของจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะเชื่อมโยงกับพื้นที่อีอีซี และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568

โดยขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป สกพอ. จะนำผลการศึกษาฯ เสนอต่อ กพอ. เพื่อพิจารณา ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบ ทั้งนี้ หากเห็นชอบให้มีการขยายพื้นที่ฯ ดังกล่าว สกพอ. จะจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (เพิ่มเติม) เพื่อเสนอ กพอ. และ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนประกาศราชกิจจานุเบกษา ต่อไป.-517.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]