ซอยศูนย์วิจัยฯ 4 ก.พ.-แพทย์รามาฯ ไม่แนะนำซื้อยาต้านเอชไอวีมากินเอง ไม่มีผลต่อ โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 มีผลในหลอดทดลองกับเชื้อสายพันธุ์เก่า
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย แถลงข่าวเรื่อง “ไวรัสปอดบวมร้ายแรงจากอู่ฮั่น” และ “มหันตภัยฝุ่นละออง PM 2.5”เพื่อให้ประชาชนทราบความกระจ่าง รวมถึงหลักการป้องกันและความก้าวหน้าในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย มีความเป็นห่วงและติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยที่ยืนยันว่ามีการติดเชื้อชนิดนี้เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศกระจายอยู่ในประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลี เวียดนาม และประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย
ศ.พญ.ศศิโสภิณ เกียรติบูรณกุล หัวหน้าสาขาวิชาภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์โรคในขณะนี้ถือว่าขณะนี้ไทยยังไม่ได้มีการระบาด ในวงกว้างแบบจีน การป้องกันตนเองได้ดีที่สุดในเวลานี้คือการสวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งคนที่สมควรสวมใส่อยู่สม่ำเสมอคือกลุ่มคนป่วยที่มีอาการไอ จาม ส่วนคนปกติทั่วไปแนะนำให้สวมใส่เฉพาะเวลาที่ต้องเข้าไปยังที่สาธารณะที่มีผู้คนแออัด หรือต้องไปเจอกับคนไอ ป่วย จาม มีน้ำมูก ซึ่งการใส่หน้ากากตลอดเวลาหรือไปเดินตามท้องถนนโอกาสที่จะติดเชื้อถือว่าน้อยมาก เพราะโรคนี้ยังไม่ได้เเพร่กระจายติดได้ทางอากาศ หากมีความเข้าใจ ก็จะไม่เกิดปัญหาหน้ากากขาดตลาดแน่นอน
ที่สำคัญหลังมีข่าวว่าแพทย์ไทยสามารถค้นพบ สูตรยารักษาผู้ป่วย ไวรัสโคโรน่า ที่อาการรุนแรงได้นั้น ศ.พญ.ศศิโสภิณ กล่าวว่า ยาต้านไวรัสเอชไอวีที่เป็นยาสูตรผสมระหว่างโลพินาเวียร์และลิโทนาเวียร์ไม่ใช่ยาใหม่ เป็นยาที่คนในวงการแพทย์ใช้มานานกว่า 20 ปีแล้ว จนหลายที่เกือบจะเลิกใช้แล้ว เพราะมีผล ข้างเคียงค่อนข้างสูงมากกับร่างกาย ที่บอกว่ามีผลต่อไวรัสโคโรนานั้น มีผลต่อโคโรนาจริง แต่เป็นในสายพันธุ์อื่นไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่2019 ที่เพิ่งเจอเพราะยังใหม่เกินกว่าที่จะทดลองได้ทัน ซึ่งผลที่ได้ก็เป็นผลที่เกิดขึ้นในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองบางชนิดเท่านั้น ยังไม่ได้มีผลทดลองในคนอย่างจริงจัง เนื่องจากยาตัวนี้มีผลรุนแรงต่อร่างกายมากและสามารถไปมีปฎิกิริยากับยาตัวอื่นได้อีกด้วย รวมถึงการใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โอเซลทามิเวียร์ ตัวยาก็ไม่ได้มีผลโดยตรงกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 การรักษาในตอนนี้ต้องบอกว่า ยังไม่มียาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 การรักษาแนวทางที่ใช้กันในปัจจุบันคือต้องรักษาตามอาการ
อย่างไรก็ตามในอนาคตอาจมียารักษาได้จริง แต่ต้องรอข้อมูลจากทางการจีนที่อยู่ในระหว่างการวิจัยทดลองซึ่งอาจจะสามารถใช้ยาที่มาจากยาต้าน เอชไอวีก็ได้หรือยาอย่างอื่นเพิ่มเติม จึงอยากจะขอเตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกกังวลจนไปหายามากินเองเพราะไม่มีประโยชน์และมีผลข้างเคียงกับร่างกายอย่างมาก
ด้าน ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า สำหรับไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 มีโอกาสเป็นไปได้ว่า อาจจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นในอนาคต เพราะลักษณะคล้ายกับไข้หวัด มีโอกาสที่ทั้งจะเป็นเหมือนหวัดทั่วไป หรืออาจจะนำไปสู่โรคปอดอักเสบร้ายแรงก็ได้แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นต้องรอเวลาสักระยะที่เชื้อโรคจะพัฒนาตัวเอง
ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การติดต่อโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จะเกิดขึ้นจากการติดต่อทางระบบทางเดินหายใจและการสัมผัสสารคัดหลั่งทางระบบทางเดินหายใจของผู้ติดเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมิน คือ ผู้มีประวัติเดินทางจากประเทศจีนหรือหรือมีประวัติสัมผัสคลุกคลีกับผู้ได้รับการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ
ส่วนผู้ที่ไม่มีประวัติเดินทางไปประเทศจีนหรือไม่มีประวัติสัมผัสคลุกคลีกับผู้ได้รับการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่มีอาการของโรคหวัดควรพักอยู่บ้านรักษาตามอาการ หรือไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน เนื่องจากขณะนี้ในประเทศไทยและทั่วโลก ยังมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสอื่น ๆ ซึ่งทำให้มีอาการไข้สูง ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ได้เช่นกัน .-สำนักข่าวไทย