สธ.7พ.ค.-ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ หนุนคน 7 กลุ่มโรค และ ประชาชนรับวัคซีนโควิด -19 โดยไม่ต้องคำนึงถึงชนิดวัคซีน เพราะประสิทธิภาพเท่าเทียม วัคซีนที่ดีสุดคือวัคซีนที่เข้ามาอยู่ร่างกายเร็วที่สุด
พลอากาศโท นายแพทย์อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ออกออกแถลงการณ์ จุดยืนเรื่อง วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ในนามราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ใจความว่า วัคชีนโควิด-19 ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในประเทศไทยเป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน โดยผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบของผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาถึงผลดีผลเสียแล้ว อาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 ส่วนใหญ่มีความรุนแรงน้อยหรือปานกลาง และพบอาการรุนแรงจากวัคชีนโควิด-19 น้อยกว่า10 รายต่อการรับ 1 ล้านเข็ม และ วัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดมี ศักยภาพลดการเจ็บป่วยที่รุนแรง ลดการนอนโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิต ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบสาธารณสุข ของประเทศยังคงประสิทธิภาพไว้ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งจะทำให้ประเทศไทยเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ซึ่งนับเป็นแสงสว่างปลาย อุโมงค์ที่จะทำให้ประเทศหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 และสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม ประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน
พร้อมย้ำวัคซีนโควิด-19 ที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่สามารถได้รับการฉีดเร็วที่สุด ไม่ควรรอคอยวัคซีนเฉพาะบางชนิด ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ไม่แนะนำให้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดหนึ่งชนิดใดเป็นการจำเพาะ รายงานประสิทธิผลของวัคซีนแต่ละชนิดในการป้องกันโควิด-19 ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากทำการศึกษาในประชากรที่แตกต่างกัน ในภาวะความรุนแรงของการระบาดที่ไม่เหมือนกัน และคำจำกัดความของการป้องกันโควิด-19 ของแต่ละการศึกษาก็ไม่เหมือนกันด้วย
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯสนับสนุนให้สมาชิกของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ทุกท่านรับการฉีดวัคชีนโควิด-19 เพื่อลดการเจ็บป่วยและลดการกักตัว อันจะทำให้ประสิทธิภาพของระบบการรักษาพยาบาลลดลง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับแพทย์สาขาอื่น
พร้อมกันนี้ สนับสนุนให้กลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และผู้มีอายุเกิน 60 ปี ซึ่งมีความเสี่ยง ต่อการเป็นโควิด-19 ที่รุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิตได้สูง รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 และสนับสนุนให้ประชาชนทุกท่านรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศไทยเกิด ภูมิคุ้มกันหมู่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย