“กรณ์” ยอมรับไทยต้องพึ่งพาการค้าจีน

อสมท 1ก.พ.-“ปณิธาน” แจงไทยปิดประเทศหนีโคโรนาไม่ได้ เชื่อรัฐบาลทยอยคลอดมาตรการพิเศษควบคุม-แก้ปัญหาตื่นตะหนกไวรัส ย้ำคนรุ่นใหม่ 10 ล้านคนเป็นกุญแจทางรอดของประเทศ ด้าน “กรณ์” ยอมรับไทยต้องพึ่งพาการค้าจีน แนะรัฐบาลเร่งกระจายอำนาจ สร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอี ขณะที่ทีดีอาร์ไอมั่นใจจีดีพีโต 2.8% มั่นใจไทยไม่เกิดวิกฤติ เศรษฐกิจยังเติบโตแบบช้า 


ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ บสส. รุ่นที่ 9 สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย จัดสัมมนาหัวข้อ How to รอด..รอดอย่างไรในสถานการณ์เศรษฐกิจร้อน การเมืองแรง โดยนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวการเสวนาตอนหนึ่งว่า ภาครัฐ ประชาชน และผู้ประกอบการต่างก็ต้องปรับตัวให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม ไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูงมากลำดับต้นๆ ของโลก ขณะที่กำลังซื้อของต่างประเทศลดต่ำลง ตนขอเสนอ 5 แนวทางต่อรัฐบาล


1 ต้องกระจายอำนาจ ในยุคอนาล็อกการบริหารแบบรวมศูนย์จากส่วนกลางอาจมีประสิทธิภาพ แต่ในยุคดิจิตอลจำเป็นต้องกระจายอำนาจเพื่อขยายโอกาสให้ท้องถิ่นได้บริหารตัวเอง เพื่อให้เกิดความคล่องตัว 

2 รัฐต้องเปลี่ยนทัศนคติเน้นสร้างให้โอกาสประชาชนและผู้ประกอบการใช้นวัตกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ 

3 เปลี่ยนนโยบายการคลังมาสนใจด้านการค้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาภาคเอกชนอ่อนแอ จนเป็นสาเหตุให้เงินบาทแข็งค่า รัฐบาลควรเร่งส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคเอกชน 


4 รัฐบาลต้องส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีให้เข้าถึงงบประมาณของรัฐ ที่ผ่านมารัฐบาลทำงบประมาขาดดุลกู้ยืมเงิน 3 แสนล้านมาใช้ในโยบาลรัฐเป็นหลัก 

5  การกำหนดนโยบายของรัฐต้องมีประชาชนเป็นเป้าหมายมากขึ้น  

สำหรับคำถามว่า ควรจะปิดประเทศป้องกันไวรัสโคโรนาหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า ต้องระวังการเสพสื่อ รัฐบาลเองก็ต้องระวังคำตอบ โดยประเมินความเสี่ยงและมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอ เพื่อตอบว่าต้องรอให้สถานการณ์เข้มข้นถึงระดับใด จึงจะยกระดับมาตรการ เพราะรัสเซีย สิงคโปร์ ก็ปิดประเทศไม่รับคนจีนแล้ว  ถึงอย่างไรไทยก็ต้องพึ่งพาการค้าจากประเทศจีน โดยเฉพาะกำลังซื้อจากประชากรจีนที่มากกว่าพันล้าน  

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเมืองระหว่างประเทศเป็นระบบหลากหลายขั้วอำนาจ ทำให้เกิดการแปรปรวนจากสงครามการค้า การแข่งขัน และความไม่แน่นอน แต่เสถียรภาพยังพอไปได้ สงครามโลกครั้งที่ 3 จะยังไม่เกิดขึ้น ไทยได้ประโยชน์จากความแปรปรวนเพราะเราไม่มีศัตรู แต่เป็นมิตรกับทุกประเทศ การเติบใหญ่ของจีนและการเชื่อมต่อกับ 122 ประเทศ ทำให้ไม่มีใครสู้จีนได้ ขณะที่การเติบใหญ่ของจีนคือความเติบใหญ่ของไทย ขณะเดียวกันไทยก็ต้องระมัดระวังการวางตัว รักษาระดับความสัมพันธ์ไม่เข้ากับประเทศหนึ่งประเทศใดจนกระทบต่อความเป็นมิตรกับอีกประเทศหนึ่ง ขณะที่ความซับซ้อนของความมั่นคงสมัยใหม่ เช่น  ภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง ฝุ่น ไวรัส ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ซึ่งหลายประเทศไม่รอด แต่เราวางแผนมาดีว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

เมื่อถูกตั้งคำถามว่า ไทยควรจะปิดประเทศป้องกันไวรัสโคโรนาหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ปิดประเทศไม่ได้แน่นอน และประเทศไทยก็ไม่เคยปิด แม้แต่องค์การอนามัยโลกก็ไม่ได้บอกให้ปิด ประเทศ  ต้องยอมรับว่าไทยเชื่อมโยงกับจีนอยู่ระดับพิเศษมาก  จึงต้องมีขั้นตอนและกระบวนการพิเศษ รวมถึงแนวทางพิเศษในการบริหารทุกมาตรการ  ขณะเดียวกันเรายังได้เพิ่มความร่วมมือในด้านแลกเลี่ยนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์  โดยนักวิทยาศาสตร์ไทยส่งข้อมูลไวรัสไปให้จีนในทันทีที่ตรวจสอบพบ ส่วนปัญหาในประเทศยังต้องแก้ปัญหาความตื่นตระหนกและสร้างความเข้าใจ  ปัจจุบันประชาชนทุกคนต่างเป็นศูนย์กลางในการให้ข่าวและแก้ข่าวกันเอง ทั้งนี้ยอมรับว่าไวรัสโคโรนาเป็นปัญหาใหม่เชื่อว่าเมื่อตั้งหลักได้เราจะเห็นแนวทางในการควบคุมและแก้ปัญหาอีกจำนวนมาก   

สำหรับทางรอดจากสถานการณ์เศรษฐกิจร้อน การเมืองแรง นายปณิธาน กล่าวว่า ตนมีข้อเสนอดังนี้

1 ไทยต้องหาสมดุลทางยุทธศาสตร์ให้ดีที่สุด 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เคยประกาศบนเวทีการประชุมในสิงคโปร์ว่า ไทยจะไม่ทะเลาะกับใคร 

2 ยอมพบกันครึ่งทาง ให้เกียรติ ให้ประโยชน์  ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต้องทำให้ประเทศเพื่อนบ้านใน 3 ลุ่มน้ำ เจริญเติบโตไปด้วยกัน 

3 ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะเป็นปัญหาของทุกปี เราต้องลดการเผาไหม้ให้ได้ จะเปลี่ยนพลังงานทางเลือกอย่างไร

4 ในอนาคตประเทศอินเดียกำลังจะมา ธุรกิจเอสเอ็มอีเตรียมปรับตัวอย่างไร 

“ทางรอดของไทยคือคนรุ่นใหม่ ตั้งพรรคการเมืองก็ชนะพรรคของคุณกรณ์ไปแล้ว ค้าขายออนไลน์ก็ทำกำไร  ทางรอดของประเทศกุญแจสำคัญจึงอยู่ที่คนรุ่นใหม่ 10 ล้านคนที่ออกมาเคลื่อนไหวการเมืองอยู่ในขณะนี้ ถ้าพวกเขาออกมาร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเรารอดแน่นอน  โดยทางรอดของประเทศไม่ได้อยู่ที่ส่วนกลาง แต่อยู่ที่ท้องถิ่นทั่วประเทศ” นายปณิธานกล่าว

ขณะที่นายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี กล่าวว่า ปลายปีนี้สหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี  สถานการณ์ความไม่แน่นอนความเปลี่ยนแปลงทางนโยบายจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจเบาบางลง ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับสหรัฐฯและจีน เราจึงต้องสร้างสมดุล อยู่ตรงกลาง ไม่ทำให้ถูกมองว่าเรายืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ต้องทำในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน จำกัดขอบเขตเป็นเรื่องๆ และหลีกเลี่ยงประเด็นที่อาจนำไปสู่การเข้าใจผิด โดยการทูตต้องเป็นเรื่องที่จับต้องได้  สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ระบบการแพทย์และสาธารณสุขของไทยก้าวหน้ามาก และได้รับความชื่นชมในระดับโลก 

ทางด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในเดือนม.ค.เคยประมาณการจีดีพีที่ 2.5-3% แต่เมื่อมีสถานการณ์ไวรัสโคโรนา คงต้องประเมินตัวเลขใหม่อีกครั้ง สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงแรกของปีอาจจะตกลงไปบ้าง แต่ถ้าเราทำให้ไทยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการดูแลสุขภาพ จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย เรื่องการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ พบแนวโน้มนักลงทุนจากจีนและไต้หวันจะย้ายมาสร้างโรงงานในไทยและเวียดนาม ซึ่งจะเป็นจุดบวกของไทย  ในภาพรวมปีนี้ยังมั่นใจว่า จีดีพีจะไม่ต่ำกว่า 2.5% แม้งบประมาณจะล่าช้าไปแต่รัฐบาลมีนโยบายดีๆอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้ง ครม.เศรษฐกิจจะปรับลดภาษีน้ำมันเครื่องบินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และเพื่อลดผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน จึงเสนอให้ทุกกระทรวงจัดสัมมนานอกกรุงเทพฯ เพื่อนำงบฯของภาครัฐไปกระตุ้นการท่องเที่ยว 

นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผอ.การวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ปีนี้จะเป็นอักปีที่มีคามผันผวนมาก จากภาวะความตึงเครียดอิหร่าน-สหรัฐ สงครามการค้า และโคโรนาไวรัส การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นบวก สบายใจได้ว่าไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่าที่หลายฝ่ายเป็นห่วง ในไทยก็จะไม่มีการหดตัวทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลงถึง 5% เพราะมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่ ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามานาน แก้ไม่ตก เจอไวรัสโคโรนาเข้าไปบาทอ่อนทันที เท่ากับว่าในข่าวร้ายมีข่าวดี เศรษฐกิจไทยที่คาดการณ์ว่าจีดีพีจะโต 2.8% หากนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงปัญหาภัยแล้ง จีดีพีจะโตลดลงเหลือ 2% งบประมาณผ่านช้าอาจล่าไปถึงเดือนมิ.ย.ทำให้เศรษฐกิจโตช้ากว่า 2% ความผันผวนในเศรษฐกิจโลกยังมีอีกหลายปัจจัย ดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในขาลง แต่มั่นใจว่าไม่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพียงแต่จะเติบโตช้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย