ราชบพิธ 14 ม.ค. – มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุปี 2563 การส่งออกของไทยจะหดตัว 0.9-2.4% มูลค่า 244,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์การค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการวิเคราะห์ทิศทางการส่งออกไทยปี 2563 โดยคาดว่าปี 2563 ไทยมีมูลค่าการส่งออก 244,231 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรืออยู่ในช่วง 240,472 – 247,621 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 0.9% (อยู่ในช่วง -0.9-2.4%) โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยังต้องติดตามสถานการณ์ แม้ว่าจะมีการเซ็นสัญญาระหว่างสหรัฐกับจีนวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.) ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี และเงินบาทที่แข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1% มูลค่าส่งออกจะลดลง 0.11% ซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่า 30 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการส่งออกลดลง 0.4% หรือลดลงประมาณ 29,381.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงการส่งออกปี 2563 ที่มีระดับความเสี่ยงสูง คือ 1. สามสงคราม เช่น สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี สงครามค่าเงิน 2.ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า 3.วิกฤติสหรัฐ-อิหร่าน 4.เศรษฐกิจโลกที่ยังคงทรงตัว
สำหรับการคาดการณ์อัตราขยายตัวของจีดีพีไทยปี 2563 จะเติบโต 2.7-3.7% ขณะที่เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะเติบโต 3.4% ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนของไทยจะอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ การเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนมีความก้าวหน้า ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน อยู่ในระดับต่ำ
นายอัทธ์ ยังระบุด้วยว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปี 2563 จำนวน 5-6 บาท ทำให้ค่าจ้างขั้นต่ำของไทยอยู่ระหว่าง 313-336 บาท ถือว่าเป็นค่าจ้างรายวันสูงที่สุดในอาเซียน เป็นรองแค่ประเทศสิงคโปร์เท่านั้น ขณะที่ค่าจ้างรายวันมาเลเซียจะอยู่ที่ 278 บาทต่อวัน กัมพูชา 221 บาทต่อวัน และเวียดนาม 153-221 บาทต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ราคาสินค้าของผู้ส่งออกไทยและมูลค่าการส่งออกไทย โดยภาคเกษตรกรรมจะส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าว ข้าวโพด อ้อย และยางพารา ส่วนภาคอุตสาหกรรม จะส่งผลกระทบอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ซ่อมเรือ ปิโตรเลียม และเครื่องจักร.-สำนักข่าวไทย