ชงกฎหมายคุมวิ่งเลนขวาช้าผิดกฎหมายอุบัติเหตุพุ่ง

กรุงเทพฯ  13  ม.ค. – คมนาคมเข้มความปลอดภัย จ่อ! ออกกฎหมายห้ามขับรถช้าต่ำกว่า 90 กม./ชม.วิ่งเลนขวา ขณะที่ข้อมูลกรมทางหลวงระบุชัดรถใช้ความเร็วเลนขวาไม่เหมาะสมทำอุบัติเหตุรถชนท้ายพุ่งสูง 


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายการขยายอัตราความเร็วบนถนน 4 ช่องจราจรขึ้นไป สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม./ชม.ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 ได้ให้นโยบาย 120 กม./ชม.ฯ นั้น ล่าสุดเตรียมประชุมคณะทำงาน เพื่อพิจารณานโยบายดังกล่าวภายในเดือนนี้ พร้อมทั้งรอผลการทดสอบแผ่นยางกันชนครอบแบริเออร์คอนกรีต (Rubber Buffer Barrier) เพื่อเป็นหลักประกันด้านความปลอดภัย ก่อนที่จะมีการประกาศใช้ในเส้นทางที่เหมาะสมต่อไป

ขณะเดียวกันในการประชุมคณะทำงานจะมีการพิจารณาบังคับให้ผู้ที่ขับรถในอัตราความเร็วไม่ถึง 90 กม./ชม. ห้ามใช้ช่องจราจรทางด้านขวาสุดเส้นทางที่มี 4 ช่องจราจรขึ้นไป ที่กำหนดให้ใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 90 กม./ชม.ทั่วประเทศ โดยจะต้องพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กฎหมายจราจร และกฎหมายทางหลวง ก่อนที่จะเสนอให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นจะออกประกาศกฎกระทรวงภายใต้ พ.ร.บ.จราจร และมีผลบังคับใช้ต่อไป


ส่วนบทลงโทษ กรณีหากผู้ที่ขับรถในช่องจราจรขวาสุด ด้วยความเร็วต่ำกว่า 90 กม./ชม.นั้น จะใช้บทลงโทษเดียวกันกับผู้ที่ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการตัดคะแนนใบขับขี่ด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการออกประกาศฯ ดังกล่าวเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลักและเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาจราจร

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า การกำหนดความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม.นั้น ปัจจุบันจากการสำรวจสามารถดำเนินการได้ ระยะทางรวม 252 กม. ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข (ทล.) 32 ดำเนินการระยะแรก 45.9 กม. และดำเนินการในระยะถัดไป 100 กม., ทล.1 ดำเนินการระยะแรก 17.5 กม. และดำเนินการในระยะถัดไป 37 กม., ทล.2 ดำเนินการระยะแรก 6 กม. และดำเนินการในระยะถัดไป 19 กม., ทล.4 ดำเนินการระยะแรก 9.5 กม. และดำเนินการในระยะถัดไป 18 กม. และอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องออกประกาศกฎกระทรวงรองรับการใช้ความเร็วดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ทางหลวง คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2563 นอกจากนี้ ทล.ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขสภาพพื้นที่ในภาพรวม เช่น ติดตั้งป้ายจราจร เส้นจราจรเพื่อควบคุมการเดินรถ อุปกรณ์กั้นให้มีความสมบูรณ์และเหมาะสม เป็นต้น รวมถึงให้สำรวจสายทางที่มีความพร้อม โดยต้องมีความปลอดภัย และอธิบายให้ประชาชนเข้าใจอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการก่อสร้างทางหลวงในอนาคตให้พิจารณาไม่ใช้เกาะกลางแบบหญ้าตามความเหมาะสมของพื้นที่ รวมทั้งให้จัดทำแผนการปลูกต้นไม้ริมทางหลวงตามนโยบายพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับข้อมูลกรมทางหลวงที่ระบุถึงความจำเป็นในการกำหนดความเร็วของรถที่วิ่งเลนขวาต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 90 กม./ชม.นั้น เนื่องจากการกำหนดความเร็วแต่ละช่องจราจรขวาสุดเป็นช่องทางที่ให้รถใช้ความเร็วได้สูงสุด และจะให้รถที่วิ่งช้ากว่าอยู่ในช่องทางอื่น ๆ ทางด้านซ้าย โดยกำหนดความเร็วลดหลั่นลงมาตามลำดับ การกำหนดลักษณะนี้จะช่วยให้รถที่วิ่งช้าไม่ทำให้ความเร็วเฉลี่ยของการจราจรในภาพรวมของถนนลดลงมากนัก นอกจากนี้ วิธีการนี้จะสามารถช่วยลดการเปลี่ยนช่องจราจรที่ไม่จำเป็นลงได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยลดปัญหาการเฉี่ยวชนและการแซงในระยะกระชั้นชิดได้

นอกจากนี้ การกำหนด ช่วงความเร็วแต่ละช่องจราจรเป็นช่วงสูงสุดต่ำสุดจะช่วยทำให้เกิดความแตกต่างของความเร็วแต่ละช่องทางน้อยลงลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุชนท้ายจากความเร็วที่แตกต่าง และการเปลี่ยนช่องจราจร ซึ่งเป็นสัดส่วนการเกิดอุบัติเหตุที่สูงเป็นลำดับที่ 2 ประมาณ  30%  หรือปีละประมาณ 5,000 ครั้ง จากทุกลักษณะ โดยลำดับที่ 1 คือ การเสียหลักตกข้างทางหรือเฉลี่ย 45%. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]