ผู้ว่า ธปท. ชี้สถานการณ์สหรัฐฯกับอิหร่านกระทบค่าเงินบาท

ธปท. 7 ม.ค. – ผู้ว่า ธปท. ชี้สถานการณ์สหรัฐฯกับอิหร่านกระทบค่าเงินบาท แนะบริหารสตอกน้ำมัน พร้อมเตรียมปรับเกณฑ์ LTV หากพบเข้มงวดเกินไป


นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ ว่า ตลาดมีความสมดุลมากขึ้น ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่ง ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยอมรับว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านเป็นเรื่องที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงในแต่ละปี และระบบเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงพลังงานค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ โดยสถานการณ์นี้กระทบค่าเงินบาทและค่าเงินในภูมิภาค และส่งผลให้ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้มองว่า เป็นโอกาสและจังหวะที่เหมาะสมในการบริหารน้ำมันสำรองให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่ากระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แม้ว่าภาพรวมเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยไม่ได้เปราะบาง แต่มูลค่านำเข้าที่เพิ่มขึ้นย่อมทำให้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง อย่างไรก็ดี การที่ไทยยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ มีข้อดีคือทำให้สามารถนำเข้าพลังงานได้เพิ่มมากขึ้นหากเกิดความไม่แน่นอนของตลาดพลังงานในอนาคต

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มมองว่า เงินบาทไม่ได้เป็น Safe Haven แล้ว เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรยังอยู่ระดับต่ำ รวมทั้งการที่ไทยยังพึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง ซึ่งหากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านมีมากขึ้น ก็จะยิ่งกระทบกับแหล่งรายได้ต่างประเทศที่สำคัญของไทย พร้อมมองว่า มีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อของไทยจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ย้ำยังดำเนินแนวทางนโยบายการเงินตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


ทั้งนี้ ธปท. ยืนยันว่าการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะยึดหลัก Data Dependent โดยจะประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา และดูความเสี่ยงในระยะข้างหน้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจต่างไปจากที่ ธปท.ได้ประเมินไว้ ก็พร้อมจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายเพิ่มเติม

ขณะที่ภายหลังออกมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ไปแล้ว ธปท.ได้มีการประเมินผลและหารือกับผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ พร้อมจะทบทวนหลักเกณฑ์ดังกล่าว หากเห็นว่ามีความเข้มงวดมากเกินไป หรือทำให้เกิดผลข้างเคียงที่มากเกินควร ซึ่งหากจะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ ธปท.จะชี้แจงให้ทราบต่อไป


นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวในจัดการประชุมนักวิเคราะห์ ครั้งที่ 1 / 2563 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยจัดขึ้นว่า  ธปท. ประเมินเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าระดับศักยภาพและต่ำกว่าที่ประมาณการไว้เดิม คาดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 2.8 จากการส่งออกสินค้าที่ผ่านมาหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้และมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดเป็นสำคัญ การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากการเลื่อนลงทุนของรัฐวิสาหกิจและโครงการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวจากรายได้และการจ้างงานที่ลดลง โดยเฉพาะภาคการผลิตเพื่อส่งออก หนี้ครัวเรือนในระดับสูง และผลกระทบของภัยแล้ง

ด้านการส่งออกที่หดตัวเริ่มส่งผลกระทบตลาดแรงงานที่ชัดเจนขึ้น สะท้อนจากการปรับลดแรงงานของนายจ้างที่ต้องหยุดกิจการชั่วคราวมีทิศทางสูงขึ้น รายได้และค่าล่วงเวลาของแรงงานนอกภาคการเกษตรปรับลดลงต่อเนื่อง ซึ่งพบว่านายจ้างปรับรูปแบบการจ้างงานเป็นรายวันมากขึ้น ส่วนการส่งออกปี 2563 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามการฟื้นตัวของปริมาณการค้าโลก อย่างไรก็ดี ขณะที่ตลาดแรงงานต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทำให้มีแรงงานลดลง ผู้ประกอบการเริ่มนำระบบออโตเมชั่นมาใช้ และการเข้ามาของ ดิจิตอลแพลตฟอร์ม ทำให้รูปแบบการจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย ปี 2563 มีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 0.8 จากเดิมที่คาด ร้อยละ 1.0 จากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาดตามเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวในระดับต่ำและอุปทานพลังงานที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 . – สำนักข่าวไทย                   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย