กรุงเทพฯ 6 ม.ค. – ก.พลังงาน เปิดวอร์รูมรับมือสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่าน จะประชุมกองทุนน้ำมันวันศุกร์นี้ ชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 1 บาทต่อลิตร หลังพ้นมาตรการของขวัญปีใหม่ ด้านไทยออยล์คาดราคาน้ำมันสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวระดับสูง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงว่า กระทรวงพลังงานได้ประชุมเช้านี้ติดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศสหรัฐและอิหร่านที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 14 เดือน และราคาน้ำมันดิบดูไบขยับขึ้นร้อยละ 4 หรือ 3 ดอลลาร์สหรัฐ จนไปถึง 68-69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งราคานี้ยังไม่ถึงกรอบที่กังวล แต่จะติดตามและปรับมาตรการเพื่อดูแลสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยกรอบราคาที่น่าเป็นห่วง คือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันและเรือขนส่งน้ำมันซาอุดีอาระเบียเดือนตุลาคม 2562 ทางกระทรวงพลังงานและ บมจ.ปตท.ได้วางแผนร่วมกันในการลดความเสี่ยง จากการซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ โดยไปซื้อจากแหล่งอื่นทดแทน เช่น แหล่งสหรัฐ แหล่งแอฟริกาตะวันตก จนกลุ่ม ปตท.สามารถสั่งซื้อลดลงจากตะวันออกจากร้อยละ 74 ของความต้องการใช้ โดยเดิมซื้อ 420,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือร้อยละ 50 หรือ 250,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ประเทศไทยมีสำรองน้ำมันดิบ 50 วัน สำรองก๊าซหุงต้ม 17 วัน นับว่าเพียงพอ และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ พร้อมจะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในประเทศ อีก 25,000 -36,000 บาร์เรลต่อวัน ในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ จากอัตราปัจจุบัน 130,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะขอความร่วมมือกับโรงกลั่นน้ำมันให้หาทางออกด้านเทคนิค เพื่อใช้น้ำมันดิบในประเทศทั้งหมด
นอกจากนี้ ในช่วง 3-4 วันนี้ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและนำไปหารือในการประชุม คณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในวันที่ 10 มกราคมนี้ เพื่อตัดสินใจว่าจะลดการจัดเก็บกองทุนน้ำมันต่อเนื่องหรือไม่ จากเดิมมติคณะกรรมกองทุนฯ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมให้ลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันจากวันที่ 26 ธันวาคม – 10 มกราคม เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ประชาชนในการลดราคาน้ำมัน 1 บาท/ลิตร ซึ่งปัจจุบันกองทุนมีฐานะที่สามารถบริหารจัดการได้ที่ 37,000 ล้านบาท นับเป็นสภาพคล่องที่สามารถบริหารจัดการราคาน้ำมันในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยได้มีการจัดทำเป็นสถานการณ์จำลองหรือ Scenario ในช่วงระดับราคาต่าง ๆ ในการบริหารจัดการราคาน้ำมันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน
“ในช่วงหลังปีใหม่ราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงมาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันตลาดโลก หากไม่มีมาตรการของขวัญปีใหม่ราคาจะแพงขึ้นอีก 1 บาทต่อลิตร ดังนั้น ศุกร์นี้คงจะประเมินว่าเหตุการณ์ตะวันออกกลางจะใช้เงินกองทุนดูแลประชาชนอย่างไร โดยขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ด้านความมั่นคงของการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีใช้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงดูแลด้านราคาไม่ให้เกิดความผันผวน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว
ทั้งนี้ ปริมาณสำรองน้ำมันของประเทศ ปัจจุบัน ณ วันที่ 5 มกราคม 2563 ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 2,988 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,144 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,468 ล้านลิตร รวมจำนวนวันที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด 50 วัน ส่วนปริมาณสำรองก๊าซ LPG ทั้งหมดประมาณ 101 ล้านกิโลกรัม สำรองได้ 17 วันสำหรับใช้ในภาคครัวเรือน
นายจตุรงค์ วรวิทย์สุรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การค้าระหว่างประเทศ บมจ.ปตท. กล่าวว่า การจะลดการพึ่งพาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางได้เพิ่มเติมหรือไม่นั้น ปัจจัยสำคัญ คือ ต้องดูถึงความสามารถของโรงกลั่นน้ำมันต่าง ๆ ของไทยว่าจะใช้น้ำมันคุณภาพจากประเทศใดได้บ้าง เพราะน้ำมันแต่ละแหล่งมีคุณภาพแตกต่างกัน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางขณะนี้ยังไม่กระทบค่าขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางยังอยู่ที่ 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุโจมตีเรือขนส่งน้ำมันซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ช่วงนั้นค่าประกันความเสี่ยงการขนส่งน้ำมันทางเรือขยับขึ้นถึง 10 เท่าตัว จาก 2 เซนต์สหรัฐต่อบาร์เรล และหลังเหตุการณ์ค่าประกันลดเหลือ 2-3 เซนต์ต่อบาร์เรล ซึ่งขณะนี้ต้องดูว่าค่าประกันจะปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่
ด้าน บมจ.ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60 – 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65 – 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบคาดจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงระยะที่ 1 และคาดจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าในวันที่ 15 มกราคมนี้
นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากความไม่สงบในตะวันนออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น จากที่กองทัพสหรัฐทิ้งระเบิดค่ายกองกำลังติดอาวุธของอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่งผลให้ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ของอิหร่านเสียชีวิตและสถานการณ์ประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ การประท้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของผู้ประท้วงในอิรักส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับลดลงประมาณ 90,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม แหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้ว.-สำนักข่าวไทย
