กรุงเทพฯ 26 ธ.ค.- ประชาชนหลั่งไหลจากทั่วสารทิศซื้อตั๋วโดยสารสาธารณะ เดินทางกลับภูมิลำเนา ทั้ง รฟท.และ บขส. เตรียมพร้อมรองรับประชาชนไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง ส่วนประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยรถส่วนตัว กรมทางหลวงแนะนำเส้นทางเลี่ยงการจราจิดขัดไว้หลายสาย
ที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือหัวลำโพง หลายคนมารอขึ้นรถตั้งแต่เช้า คาดว่าพรุ่งนี้จะหนาแน่นมากที่สุด และเช่นเคยการรถไฟฯ เตรียมสำรองเที่ยววิ่งในเส้นทางระยะไกลที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากทุกเส้นทางไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง ทุกคนได้กลับไปเฉลิมฉลองปีใหม่ตามที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นอน สำหรับการรักษาความปลอดภัย มีตำรวจรถไฟ และพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำจุดต่าง ๆ เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุในช่วงที่มีคนมาใช้บริการจำนวนมาก
บริษัทขนส่ง หรือ บขส. คาดว่าวันพรุ่งนี้น่าจะมีประชาชนเดินทางไม่ต่ำกว่า 200,000 คน และส่วนใหญ่ได้วางแผนเดินทางและจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าไว้แล้ว ทำให้ขณะนี้ตั๋วล่วงหน้าเต็มหมดทุกที่นั่ง หากใครต้องการเดินทาง สามารถซื้อตั๋วโดยสารรถเสริมได้ โดย บขส.เตรียมรถเสริมไว้ 1,500 คัน ซึ่งในบางเส้นทางอาจต้องเดินทางไปขึ้นรถที่กรมการขนส่งทางบก โดยมีรถระยะสั้น หรือ Shuttle Bus ไว้บริการ พร้อมย้ำเตือนการจองตั๋วรถเสริมนี้ ควรไปจองที่หน้าช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ช่วงปีใหม่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก กรมทางหลวงแนะนำเส้นทางเลือกบนทางหลวงสายหลักและสายรอง เช่น
กรุงเทพฯ-ขึ้นสู่ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน)-จ.พระนครศรีอยุธยา-มุ่งหน้าสู่ จ.นครสวรรค์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นนทบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี)-จ.สุพรรณบุรี มุ่งหน้าสู่ จ.นครสวรรค์
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป รังสิต-อ.วังน้อย-จ.สระบุรี-จ.ลพบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน)-อ.ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) มุ่งหน้าสู่ จ.พิษณุโลก
เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต-ต่างระดับคลองหลวง (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน)-เชียงรากน้อย (ทางหลวงหมายเลข 3214)-ทางหลวงหมายเลข 347 จากนั้นมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 เข้าสู่ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 5 จากกรุงเทพฯ ไปวงแหวนตะวันออก (ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9)-ต่างระดับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)-อ.วังน้อย มุ่งหน้าทางหลวงหมายเลข 32 เข้าสู่ภาคเหนือ
เส้นทางกรุงเทพฯ สู่ภาคอีสาน
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน)-ต.ม่วงค่อม มุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน)-จ.สระบุรี-อ.ปากช่อง-อ.สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นครนายก (ทางหลวงหมายเลข 305)-อ.บ้านนา (ทางหลวงหมายเลข 3051)-อ.แก่งคอย (ทางหลวงหมายเลข 3222)-อ.ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 33 มุ่งหน้าสู่ อ.อรัญประเทศ
เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ฉะเชิงเทรา (ทางหลวงหมายเลข 314 หรือ สาย 304)-อ.พนมสารคาม-อ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว-อ.ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา
เส้นทางกรุงเทพฯ สู่ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ชลบุรี (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา)
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนบางนา-ตราด) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.ชลบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป อ.พนัสนิคม-จ.ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 304)
กรมทางหลวงยังเตรียมเส้นทางเลี่ยงสำหรับการเลี่ยงใช้ ทล.35 หรือถนนพระราม2 โดยให้ใช้ถนนเพชรเกษม เข้าถนนเศรษฐกิจ แล้วเข้าสู่ถนนพระราม 2 ที่ทางแยกต่างระดับสมุทรสาคร หรือจากถนนกาญจนาภิเษก ใช้ถนนเอกชัย-บางบอน เข้าถนนพระราม 2 ที่ กม.21 (บริเวณมหาชัยเมืองใหม่) หรือใช้ถนนเพชรเกษม ผ่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้ กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร และสังเกตป้ายแนะนำ ป้ายเสริม ตามที่ได้ติดตั้งไว้เพื่อความปลอดภัย รวมทั้งป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทาง ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษ 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193.-สำนักข่าวไทย