ย้อนคำสัมภาษณ์ “สมคิด พุ่มพวง” ปี 58-59

กทม. 19 ธ.ค.-คุณสันติวิธี พรหมบุตร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย เคยเข้าไปในเรือนจำกลางบางขวาง ในฐานะทีมผลิตสารคดีข่าว รายการข่าวดังข้ามเวลา เพื่อไปสัมภาษณ์ “สมคิด พุ่มพวง” ถึง 2 ครั้ง ในประเด็นที่เขาฆาตกรรมหญิงบริการ 5 ศพ ซึ่งตอนนั้นสมคิด พุ่มพวง ให้สัมภาษณ์ 2 ครั้งไม่เหมือนกัน และเขาเปรียบการฆ่าคนก็เหมือนการทำกิจวัตรประจำวัน

เมษายนปี 59 ทีมรายการข่าวดังข้ามเวลาเข้าไปเรือนจำกลางบางขวาง สัมภาษณ์สมคิด พุ่มพวง เพื่อถ่ายทำสารคดีข่าว ในชื่อตอน “ฆาตกรรมซ้ำซ้อน ฆาตกรต่อเนื่อง” แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้บันทึกภาพเคลื่อนไหว ใช้วิธีสัมภาษณ์จดลงสมุดบันทึก


ตอนนั้นสมคิดถูกคุมขังเป็นปีที่ 11 เขายินดีให้รายการนำเรื่องราวเขามาออกอากาศได้ การสัมภาษณ์นานกว่า 2 ชั่วโมง เน้นรายละเอียดที่เขาก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องผู้หญิง 5 คน ในปี 48

สมคิดเป็นคนพูดเก่ง ฉะฉาน เล่าเรื่องราวได้ลื่นไหลไม่ติดขัด เขาสามารถตอบได้ทันทีตั้งแต่คำถามยังไม่จบประโยคด้วยซ้ำ ระหว่างสนทนา สายตาคู่แข็งกระด้างของเขาจ้องเขม็งคู่สนทนาที่นั่งตรงกันข้ามคนละฝั่งโต๊ะตลอดเวลา เขาให้เหตุผลของการฆ่าผู้หญิงทั้ง 5 คน แตกต่างออกไปจากที่ปรากฏเป็นข่าว

เหยื่อคนแรก นางสาววารุณี ที่มุกดาหาร สมคิดอ้างว่าเป็นภรรยาเก็บเสี่ย หลอกเงินเสี่ยไปมาก เลยถูกสั่งเก็บ เขาได้ค่าจ้าง 170,000 บาท เหยื่อคนที่สอง นางสาวผ่องพรรณ ที่ลำปาง ยักยอกของผิดกฎหมาย เขาเลยได้รับว่าจ้างให้มาทวงของ และนางสาวผ่องพรรณถูกคนว่าจ้างเขาซ้อมจนตาย ได้ค่าจ้าง 100,000 บาท เหยื่อคนที่สาม นางสาวพัชรี ที่ตรัง สมคิดอ้างว่าโกงค่าแชร์ เขาตามเจอตัวที่แม่ฮ่องสอน แล้วพาไปฆ่าที่ตรัง ได้ค่าจ้าง 80,000 บาท

เหยื่อคนที่สี่ นางสาวพรตะวัน ที่อุดรธานี เขาอ้างว่าเป็นภรรยาตำรวจนายหนึ่ง สามีเป็นหนี้บ่อน เขาถูกว่าจ้างให้ 90,000 บาท มาทวงหนี้และฆ่า


เหยื่อคนที่ 5 นางสาวสมปอง ที่บุรีรัมย์ สมคิดอ้างว่าติดหนี้นายทุน เขารับจ้างทวง เอาตัวจากนครราชสีมาไปเข้าโรงแรมที่บุรีรัมย์ แต่เหยื่อโวยวายเขาเลยหักคอ และเขาปฏิเสธไม่ได้ข่มขืนเหยื่อ

แต่คำตอบเหล่านี้ของสมคิดต่างออกไปจากก่อนหน้านั้น 9 เดือน ที่รายการข่าวดังข้ามเวลาเคยเข้าไปสัมภาษณ์เขาเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 58 ซึ่งเป็นการได้สัมภาษณ์สมคิดครั้งแรกโดยบังเอิญ ระหว่างเข้าไปเก็บข้อมูลเพื่อผลิตรายการในตอนอื่น ตอนนั้นสมคิดให้เหตุผลของการฆ่าผู้หญิงทั้ง 5 คนว่าบางคน โดยเฉพาะเหยื่อรายแรก รู้จักกันดี แต่หักหลังเขาในบางเรื่องจึงต้องฆ่า และคนต่อๆ มา บางคนเป็นสายของตำรวจเพื่อมาจับกุมตัวเขา เลยต้องฆ่าคนเหล่านั้นด้วย

การตอบถึงเหตุผลของการฆ่าผู้หญิง 5 คนที่ไม่เหมือนกัน 2 ครั้ง จึงดูเหมือนว่าสมคิดเป็นคนที่แต่งเรื่องราวต่างๆ ไว้ในความคิดอย่างมากมาย จนบางครั้งเขาจำไม่ได้ว่าเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อ 9 เดือนอย่างไรบ้าง


ยิ่งเมื่ออ่านบันทึกสอบสวนที่เขาเคยให้การไว้กับตำรวจก็ยิ่งต่างออกไป เพราะตอนที่เขาจนมุมตำรวจกองปราบ สมคิดให้การไว้ว่าเขาหลอกเหยื่อจากร้านนวดและคาเฟ่ไปหลับนอนแล้วฆ่า การฆ่าคนแรกเกิดขึ้นเพราะทะเลาะกันเรื่องค่าตัวที่สมคิดจ่ายไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อทำกับคนแรกได้ คนต่อไปก็ง่ายขึ้น

ตรงกับพยานในเหตุการณ์การฆ่าเหยื่อรายสุดท้ายที่เคยให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวดังข้ามเวลาไว้ว่าสมคิดเดินเข้ามาที่ร้านนวดเหมือนนักเที่ยวทั่วไป เลือกผู้หญิงหลายคนจนมาพอใจที่เหยื่อ

แต่ที่สมคิดตอบเหมือนเดิมทั้งสองครั้งคือการฆ่าคนที่เขายืนยันว่าไปเรียนรู้วิธีหักคอมาจากทหารเวียดกง ตอนที่ไปทำงานในบ่อนกาสิโนที่เวียดนาม


การตอบคำถามเกี่ยวกับการฆ่าคนของสมคิดดูเหมือนเขามองเป็นเรื่องปกติ ไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังบอกว่าคนเหล่านั้นสมควรถูกเขาฆ่าตาย มีคำถามหนึ่งที่ทีมงานผู้หญิงถามสมคิดว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรกับการฆ่า 5 ศพ สมคิดตอบสวนกลับทันควันอย่างไม่ต้องคิดว่า “แล้วหนูแปรงฟัน อาบน้ำ รู้สึกอะไรไหม” เขาเปรียบเทียบการฆ่าคนเหมือนกับเป็นกิจวัตรปกติ

การได้พูดคุยสัมผัสตัวตนสมคิด 2 ครั้ง ในระยะเวลาห่างกัน 9 เดือน ทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก หากเขาไม่พอใจผู้คุมและผู้บริหารเรือนจำคนไหน เขาจะเขียนหนังสือร้องเรียนทันที ซึ่งเขาก็เคยร้องเรียนมาแล้ว

ทั้งสองครั้งที่เจอกัน สมคิดถือหนังสือกฎหมายและสมุดบันทึกมาด้วยทุกครั้ง เขาศึกษากฎหมายระหว่างอยู่ในเรือนจำ ผู้คุมบอกว่าสมคิดไม่ค่อยสุงสิงกับนักโทษรายอื่น มักอยู่เงียบๆ คนเดียว ซึ่งสมคิดให้เหตุผลว่าเพื่อการได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ซึ่งตอนนั้นมีผลต่อการได้คืนสู่อิสรภาพเร็วขึ้น และหากได้ออกจากเรือนจำ เขามีหนี้แค้นที่ต้องชำระ ซึ่งเป็นคนที่ทำให้เขาต้องติดคุก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย