นนทบุรี 17 ธ.ค. – อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเค็มที่เกิดน้ำทะเลหนุน ขณะที่เมื่อคืนนี้ เกษตรกรตรวจวัดค่าความเค็มสูงเกินมาตรฐานสำหรับการทำเกษตรแล้ว ด้านเกษตรกรในพื้นที่เตรียมรับมือและบอกว่าปีนี้ปัญหาน้ำเค็มรุกมาเร็วกว่าทุกปี
ยอดของใบเฟิร์นต้นนี้ประสบปัญหาใบไหม้ เป็นผลกระทบจากน้ำเค็มหนุนคลองมหาสวัสดิ์ ไหลผ่านมายัง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ต้องใช้น้ำจากตรงนี้เป็นหลักในการเพาะปลูก
เกษตรกรเจ้าของสวนเฟิร์น เล่าว่า เมื่อคืนนี้ใช้เครื่องวัดค่าความเค็มของน้ำคลอง พบค่าความเค็มถึง 2.5 กรัมต่อลิตร ไม่เหมาะสมที่จะใช้รดต้นเฟิร์นในสวน เนื่องจากเฟิร์นเป็นพืชที่มีใบอ่อน หากเจอน้ำเค็มต้นจะตายทันที จึงพยายามหาวิธีป้องกัน โดยขุดบ่อน้ำไว้ 2 แบบ บ่อน้ำบาดาล กักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง
ส่วนอีกบ่อใช้สำหรับพักน้ำรอให้ความเค็มจากน้ำคลองที่สูบขึ้นมาลดลง หรือหากต้องใช้น้ำประปาด้วย การพักน้ำจะช่วยลดค่าคลอรีนให้เจือจางลงได้ โดยก่อนใช้รดพืชสวนทุกครั้งในช่วงนี้จะต้องเป็นน้ำที่พักไว้ในบ่อก่อนเท่านั้น และยังพบว่าปัญหาน้ำเค็มมาเร็วกว่าทุกปี
นายอำเภอบางกรวยให้ข้อมูลว่า ในพื้นที่พบปัญหาน้ำเค็มเป็นประจำ ซึ่งในพื้นที่ยังมีการทำการเกษตรโดยเฉพาะสวนไม้ดอกไม้ประดับที่มีเกษตรกรมากถึง 200-300 ราย บางส่วนยังเป็นสวนทุเรียนและมะม่วง ยอมรับว่าต้องตรวจวัดค่าความเค็มทุกๆ วันในช่วงนี้ และเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตกรในพื้นที่เตรียมรับมือ
ด้านกรมชลประทาน ระบุว่า จากปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าเกณฑ์ หากค่าความเค็มสูงมาก จะไม่สามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ได้ กรมชลประทานได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมค่าความเค็มให้คุณภาพน้ำกลับเป็นปกติ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำรักษาระบบนิเวศ ลุ่มแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน และเจ้าพระยา
ตามมาตรฐานค่าความเค็มของน้ำสําหรับการเกษตรต้องไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร และค่าความเค็มของน้ำสําหรับการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.25 กรัมต่อลิตร แหล่งผลิตน้ำประปาที่สำคัญบริเวณสถานีสูบน้ำปะปาสำแล จ.ปทุมธานี มีการวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นรายชั่วโมง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวัง เพราะในบางช่วงพบค่าความเค็มสูงเกิน. – สำนักข่าวไทย