กรุงเทพฯ 11ธ.ค. – โออาร์ขยายธุรกิจนอนออยล์ เตรียมขยายตลาดชา หลังประสบความสำเร็จตลาดกาแฟ คุยช่วยสร้างรายได้ชุมชน ซื้อเมล็ดกาแฟดิบประมาณ 4,000 ตันต่อปี จากเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 2,800 ครัวเรือน
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ เปิดเผยว่า โออาร์ อยู่ระหว่างจัดทำแผนธุรกิจระยะ 5 ปี (ปี 2563-2567) เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการของโออาร์และ บมจ.ปตท.เห็นชอบในช่วงเดือนธันวาคมนี้ โดยในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) จะเห็นการส่งเสริมออกไปทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV เช่น ชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ ที (Pearly Tea) จะเห็นการเปิดสาขาแรกในต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่ สปป.ลาว และเตรียมจัดทำมาสเตอร์แฟรนไชส์ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ใน สปป.ลาวอีกด้วย เป็นการจับมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น และอยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อพัฒนาสินค้าร่วมกัน ซึ่งเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของลาวออกมาจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้
ส่วนร้านกาแฟ “คาเฟ่อเมซอน” ก็มีแผนที่จะขยายสาขาในต่างประเทศมากขึ้น เช่น เวียดนาม ส่วนในจีนที่มีการเปิดสาขาในปั๊มน้ำมันซิโนเปค เมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซี ประเทศจีน ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมีการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ ทำให้ยอดขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่าแผนที่ตั้งไว้ ขณะที่ยอดขายในแทนอาเซียน ก็เติบโตดี โดยยอดขายในกัมพูชา ถือว่าเป็นอันดับ 1 เฉลี่ยอยู่ที่ 400-500 แก้วต่อวัน รองลงมา คือ ลาว มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 300 แก้วต่อวัน และบางวันทะลุไม่ถึง 1,000 แก้ว
ส่วนในไทย โออาร์ได้เปิดให้สินค้าหรือร้านค้าท้องถิ่นเข้ามาจำหน่ายในสถานีบริการ (ปั๊ม) น้ำมัน “PTT Station” เพิ่มมากขึ้น อาทิ ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย และอื่น ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี
ในงาน “เศรษฐกิจฐานราก พลิกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย” วานนี้ (10 ธ.ค.) นางสาวจิราพร กล่าวว่า โออาร์เดินตามวิสัยทัศน์ของ ปตท.ในการเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชน ผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง มุ่งมั่นพัฒนาสถานีบริการน้ำมันฯ ให้เป็นพื้นที่สร้างประโยชน์ให้กับชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการกว่า 1,500 ราย เป็นผู้ดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังได้สร้างงานสร้างอาชีพกว่า 23,000 คน ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันฯ จำนวนรวมกว่า 1,850 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ โออาร์ ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัด “โครงการไทยเด็ด” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนนำผลิตผลทางการเกษตร อาหาร และสินค้าหัตถกรรมงานฝีมือที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาจำหน่ายภายในสถานีบริการน้ำมันฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สร้างโอกาสในการขยายตลาดและสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการฯ ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 147 ราย และยังคงมีแผนขยายโครงการฯ ไปยังสถานีบริการน้ำมันฯ ทั่วประเทศต่อไป
นอกจากนี้ โออาร์ ยังได้ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากผ่านธุรกิจร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน ที่มีจำนวนรวมกว่า 2,800 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) กว่า 2,400 ราย เป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างงานกว่า 16,000 คน นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกสินค้าชุมชนมาวางจำหน่ายภายในร้าน รวมถึงการรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบประมาณ 4,000 ตันต่อปี จากเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 2,800 ครัวเรือน อาทิ เมล็ดกาแฟกะลาจากวิสาหกิจชุมชนบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย เป็นต้น โดยมีแผนการขยายผลการวิจัย การพัฒนาการปลูก และการผลิตกาแฟแบบระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับเกษตรกรในภาคเหนือและภาคใต้ รวมถึงการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรทั่วประเทศอีกด้วย
“ธุรกิจกาแฟประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ช่วยเหลือชุมชนขณะนี้กำลังดูว่าจะผลักดันแบรนด์ใดเพิ่มเติม ซึ่งกรณีชาก็จะเป็นตัวหนึ่งที่จะผลักดันให้เดินหน้าแข็งแกร่ง” นางสาวจิราพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย