กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – ก.ล.ต.อนุมัติคำขอเสนอขายหุ้น IPO บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ด้านซีอีโอโออาร์ ระบุจะกระจายหุ้นได้เมื่อใด ขึ้นอยู่กับตลาดและการเดินทางโรดโชว์ เพราะอาจติดปัญหาโควิด-19 เผยยอดขายน้ำมันฟื้นตัวตามนโยบายส่งเสริมไทยเที่ยวไทย เตรียมจ้างงานเพิ่มนับหมื่นคน
น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) วานนี้ (16 ก.ย. ) ว่าได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ OR โดยจะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 3,000 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ OR มีสิทธิ์จะเสนอขายหุ้น IPO ได้ภายใน 6 เดือนและต่ออายุได้อีก 6 เดือน หลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการทำการตลาดและตรวจสอบราคา รวมถึงการนำเสนอข้อมูลการลงทุน (โรดโชว์) โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน IPO ไม่เกิน 3,000 ล้านหุ้นของ OR แบ่งเป็นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวนไม่เกิน 2,700 ล้านหุ้น (ไม่รวมจำนวนหุ้นส่วนเกินสำหรับการให้สิทธิ์ซื้อหุ้นส่วนเกิน) โดย OR จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ. ปตท. จัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อรักษาสิทธิ (Pre-emptive Rights) และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 2,400 ล้านหุ้นเสนอขายประชาชนทั่วไป ขณะที่จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 300 ล้านหุ้นรองรับการใช้สิทธิ์จัดสรรหุ้นเกินกว่าจำนวนที่เสนอขาย (หากมีการใช้สิทธิ์)
“ขั้นตอนจากนี้ไปจะรายงานเข้าสู่ทั้งบอร์ด บมจ.ปตท.และบอร์ด OR ส่วนระยะเวลาการเสนอขายหุ้นยังต้องรอดูสภาวะตลาดควบคู่กันไปด้วย เพราะจากการระบาดของโควิด -19 การจะมีวัคซีน การเดินทางไปโรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศจะเป็นอุปสรรคหรือไม่อย่างไร ส่วน Pre-emptive Rights นั้นจะขึ้นอยู่กับ ปตท.ว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนรายย่อย ทาง OR มีเป้าหมายให้ผู้มีส่วนร่วมลูกค้าทั่วประเทศได้เข้ามาถือหุ้นด้วย” น.ส.จิราพร กล่าว
สำหรับ ปตท.จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ OR ด้วยการถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 วัตถุประสงค์ในการระดมทุนรองรับการใช้เงินของ OR ซึ่งประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีแบรนด์สถานีบริการน้ำมัน คือ PTT station และ แบรนด์ร้านกาแฟ คือ คาเฟ่อเมซอน และอื่น ๆ โดยระดมทุนรองรับการลงทุน ช่วงปี 2564-2567 เพื่อขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ “PTT station” , ขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์, การลงทุนคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าธุรกิจน้ำมัน, ขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก, การลงทุนในต่างประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ หรือใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม
น.ส.จิราพร กล่าวว่า ยอดขายน้ำมันภาคพื้นดินและธุรกิจไม่ใช่น้ำมัน เช่น ค่าเฟ่อเมซอน หากนับเดือนต่อเดือนขณะนี้ยอดขายเทียบเท่ากับปีที่แล้ว ยกเว้นยอดขายน้ำมันเครื่องบินยังคงหดตัว เพราะไม่มีการเดินทางระหว่างประเทศ แต่ในช่วงล็อกดาวน์การใช้น้ำมันลดลง จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่ายอดขายโดยรวมปีนี้จะเป็นเท่าใด ซึ่งการฟื้นตัวของยอดขายน้ำมันผ่านปั๊มที่ดีขึ้น ก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่รณรงค์การส่งเสริมไทยเที่ยวไทย ประกอบกับราคาน้ำมันที่ถูก ประชาชนจึงนิยมขับรถท่องเที่ยวมากขึ้น
โดยในส่วนของการลงทุนและการจ้างงานทาง OR จะสนองนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพยายามเดินหน้าขยายสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่ควบคู่ธุรกิจไม่ใช่น้ำมันให้เป็นไปตามแผนงานเดิมให้มากที่สุด ในขณะที่การจ้างงาน ก็คาดว่าจะเพิ่มได้นับหมื่นคนที่จะรองรับการขยายปั๊ม, ร้านคาเฟ่อเมซอน, FIT AUTO และอื่น ๆ รวมทั้งจ้างงานเพิ่มเพื่อขยายงานการค้าผ่านระบบออนไลน์ ดิจิทัล และการตลาด เพื่อขยายยอดขายของ OR . -สำนักข่าวไทย