ธนาคารกรุงเทพร่วมสนับสนุนจัดกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ

กรุงเทพฯ 4 ธ.ค. – ธนาคารกรุงเทพร่วมสนับสนุนจัดกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ 9 ชวนคนไทยร่วมกัน “ออมความดี มีแล้วแบ่งปัน”


ตามที่รัฐบาลได้กำหนดจัดกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติวันที่ 5 ธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 โดยกำหนดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์และสามเณร 489 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และมีกิจกรรมเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ณ ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 5-14 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00-20.00 น. ประกอบด้วย ถวายสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ชมนิทรรศการ “ปณิธานความดี…มีแล้วแบ่งปัน” “ชุมชนต้นแบบแห่งความดี…วิถีไทยในแบบพ่อ” โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย ฝึกอาชีพ ซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และมอบพันธุ์กล้าไม้


นางสาวธัญฑิกา โพธิสมภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงร่วมส่งเสริมให้คนไทยได้น้อมนำคำสอนของพระองค์มายึดถือและปฏิบัติผ่านกิจกรรมเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ โดยธนาคารได้จัดบูธกิจกรรมภายในงานดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ออมความดี มีแล้วแบ่งปัน” ประกอบด้วย นิทรรศการปณิธานสานต่อ 9 คำสอนของพ่อ ได้แก่ ความพอดี ความซื่อสัตย์สุจริต ความเพียร อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ หนังสือเป็นออมสิน พูดจริงทำจริง เป็นผู้รับและผู้ให้ ความรู้ตน และการเอาชนะใจตน โดยจัดทำถุงผ้าปณิธานสานต่อ 9 คำสอนของพ่อ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่มาร่วมชมงาน เพียงร่วมกิจกรรมแชะภาพ ณ จุดเช็คอินถ่ายภาพแชร์บรรยากาศกิจกรรมต่างๆ ภายในบูธ ธนาคารกรุงเทพ พร้อมติดแฮชแท็ก #ธนาคารกรุงเทพ #ออมความดีมีแล้วแบ่งปัน

กิจกรรมเชิญชวนร่วมบริจาคเงินผ่านบริการ ‘BeSureQR ใจบุญ’ ในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ที่ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมให้บริการภายใต้แนวคิด “ใจเป็นสุข กับทุกการให้” เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับลูกค้าและประชาชนในการบริจาคเงินผ่าน Mobile Banking Application เพื่อร่วมส่งต่อการให้แก่มูลนิธิต่างๆ ประกอบด้วย ศิริราชมูลนิธิ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก และมูลนิธิกาญจนบารมี โดยธนาคารได้จัดเตรียมของที่ระลึกสำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ร่วมบริจาคเงินตามจำนวนขั้นต่ำที่กำหนด เช่น ชุดเซ็ทกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ขนาด 18 นิ้ว และใบเล็ก ขนาด 13 นิ้ว สำหรับผู้ร่วมบริจาค 800 บาทขึ้นไป (จำกัด 100 ชุด/วัน) กระเป๋าเดินทางใบเล็ก ขนาด 13 นิ้ว เมื่อบริจาค 400 บาทขึ้นไป (จำกัด 1,000 ชุด/วัน) และผู้ที่ร่วมบริจาคตามกำลังแบ่งปัน จะได้รับกระปุกออมเงินบัวหลวง ทั้งนี้ การบริจาคเงินผ่านระบบ e-Donation ผู้บริจาคยังสามารถเลือกให้ธนาคารจัดส่งข้อมูลรายการบริจาคไปยังกรมสรรพากรเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้อีกด้วย


กิจกรรมเชิญชวนร่วมโครงการ “ออมเพื่อให้ ตามรอยพ่อ ปีที่ 2” ที่ธนาคารได้ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการรุณย์ (SiPH) เพื่อชวนคนไทยสานต่อการให้ สร้างวินัยการออมให้เกิดพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ตามรอยพระราชจริยวัตร “กษัตริย์นักออม” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการเป็น “นักออมเพื่อให้” เพียงออมเงินและนำมาร่วมบริจาคกับโครงการนี้เพื่อร่วมสมทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์แก่อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา พระราชปณิธานสุดท้ายของพระองค์ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาสและลดปัญหาการแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลศิริราช โดยจะได้รับกระปุกออมเงินที่ระลึกสัญลักษณ์จำลองอุปกรณ์ทรงงาน 3 แบบ ได้แก่ วิทยุสื่อสาร กล้องถ่ายรูป และรถจี๊ป ซึ่งเป็นพระราชพาหนะทรงงาน พร้อมรับชมนิทรรศการอุปกรณ์ทรงงานทั้ง 3 แบบข้างต้น

กิจกรรมเชิญชวนร่วมบริจาคสมทบทุนนำไปสร้างคุณประโยชน์ทางการแพทย์ในรูปแบบต่างๆ ผ่านการสมัครและใช้จ่ายผ่าน ‘บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช’ – ‘บัตรที่ใช่ ของคนใจดี’ ที่ทุกการสมัครบัตรใหม่ ธนาคารจะร่วมบริจาค 100 บาท ค่าธรรมเนียมรายปีทุกปีต่อไป ธนาคารจะร่วมบริจาค 50 บาท และทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร ธนาคารก็จะร่วมบริจาค 0.2% ของยอดใช้จ่าย ให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ‘บัตรเครดิตวีซ่าแพลทินัม แรบบิท ศิริราช ธนาคารกรุงเทพ’ -‘สุขใจทุกครั้งที่ใช้ ทุกการใช้จ่าย…คือได้บุญ’ ทุกการใช้จ่าย ธนาคารกรุงเทพร่วมบริจาค 0.2% ให้แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  และ ‘บัตรเครดิตไทเทเนียม โรงพยาบาลรามาธิบดี ธนาคารกรุงเทพ’ – ‘ยิ่งใช้ ยิ่งได้บุญ’ ซึ่งธนาคารร่วมบริจาค 0.2% จากทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตร ให้แก่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 

กิจกรรมสอยดาวปันสุข สำหรับผู้สนใจ (บริจาคตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป) ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมาย เช่น จักรยาน พัดลม กระเป๋าเดินทาง กระปุกออมเงินบัวหลวง ฯลฯ และผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของธนาคาร เพื่อแนะนำ ให้คำปรึกษา และนำเสนอประสบการณ์ด้านการเงินมาบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนผู้เข้าร่วมงาน 

“ธนาคารกรุงเทพได้ดำเนินนโยบายโดยยึดถือปฏิบัติและส่งเสริมการทำความดีและส่งต่อการให้มาอย่างต่อเนื่องผ่านหลากหลายกิจกรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์การเงินที่ออกแบบมาเพื่อร่วมส่งเสริมให้คนไทยมีโอกาสได้ร่วมแบ่งปันโดยเฉพาะ อย่างบัตรบีเฟิสต์ และบัตรเครดิตที่ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลรามาธิบดี ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งธนาคารและลูกค้าผู้ถือบัตรได้ร่วมกันสมทบทุนไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 170 ล้านบาท เป็นต้น ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันกิจกรรมความดีแก่คนไทยให้ได้ร่วมกันยึดถือและปฏิบัติตามรอยพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตลอดจนได้ร่วมกันเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่าน” นางสาวธัญฑิกา กล่าว

สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและร่วมกิจกรรมของธนาคารกรุงเทพได้ที่บูธบริเวณพื้นที่จัดงานวันพ่อแห่งชาติ ณ ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 5-14 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00-20.00 น. โดยขอเชิญชวนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]