ราชบุรี 29 พ.ย.- กรณีการครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติของ “ปารีณา ไกรคุปต์” ถือว่าเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมตามคำร้องขอของ “ปารีณา” เมื่อเทียบกับกรณีอื่นๆ โดยเฉพาะกรณีชาวบ้าน 14 ราย ที่ชัยภูมิ ซึ่งถูกฟ้องบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ พวกเขาถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว
หลังกรมป่าไม้นำหมายศาลบุกเข้าตรวจสอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อ 24 พฤศจิกายน พบพื้นที่ทำฟาร์มไก่เขาสนฟาร์ม 690 ไร่ มีพื้นที่ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 46 ไร่ แต่จนถึงวันนี้ เกือบครบสัปดาห์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงตรวจสอบพื้นที่ตามคำสั่งของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. หรือป่าสงวน ทำให้หน่วยงานรัฐยังไม่สามารถดำเนินคดีใดๆ ได้ ซ้ำยังถูก น.ส.ปารีณา แจ้งความให้ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ข้อหาบุกรุก
ตอนนี้จึงมีเพียงนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ที่แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง ให้ดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าสงวนต่อ น.ส.ปารีณา
นายวีระ บอกว่า น.ส.ปารีณา ทำฟาร์มไก่บนพื้นที่ 46 ไร่ ซึ่งเป็นที่ป่าสงวน ถือว่าเป็นการบุกรุก แม้จะประกาศเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. แต่หากยังไม่มีการรังวัดจัดสรรแปลง ออกใบ ส.ป.ก. หรือหนังสืออนุญาตให้ผู้ใดเข้าทำประโยชน์ ก็ถือว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นเขตป่าสงวนอยู่
เช่นเดียวกับนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บอกว่า ที่ดิน 46 ไร่ ยังเป็นพื้นที่ป่าสงวน ตราบใดที่ ส.ป.ก.ยังไม่มีการรังวัด จัดสรรที่ดินให้ใคร
การทำฟาร์มไก่ในพื้นที่ป่าสงวนของ น.ส.ปารีณา ถูกนำมาเทียบเคียงกับกรณีชาวบ้าน 14 ราย ที่ถูกอุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ ฟ้องคดีบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ จนถูกศาลพิพากษาจำคุกมาแล้ว
“สมนึก ตุ้มสุภาพ” ที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน ซึ่งเป็นทนายความให้ชาวบ้านทั้ง 14 ราย บอกว่า ที่ดินถูกฟ้อง ถูกบุกเบิกโดยรุ่นพ่อรุ่นแม่ ยุคนโยบายปราบคอมมิสนิสต์ ใช้เมืองล้อมป่า ซึ่งล้วนแต่เป็นนโยบายรัฐ ชาวบ้านที่ถูกฟ้องเมื่อปี 59 เป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ทำกินกันมา 2-3 รุ่นแล้ว ไม่ได้ครอบครองกันมาก คนละ 1-15 ไร่ มีเพียงคนเดียวที่มี 46 ไร่ เท่ากับ น.ส.ปารีณา โดนดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ศาลอุทธรณ์เพิ่งตัดสินปีนี้ โทษจำคุกและโทษปรับแตกต่างกันไป ต่ำสุดจำคุก 4 เดือน สูงสุดคนที่ครอบครอง 46 ไร่ โดนโทษจำคุก 4 ปี
คดีชาวบ้าน 14 ราย อาจไม่ถูกกล่าวถึงมากนัก หากไม่มีกรณี น.ส.ปารีณา ทำฟาร์มไก่ในที่ดินป่าสงวน 46 ไร่ ที่จนถึงตอนนี้ ยังคงมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมตามการร้องขอของ น.ส.ปารีณา.-สำนักข่าวไทย