กรุงเทพฯ 26 พ.ย. – มิลล์คอนสตีลผนึกบิลค์ฯ พัฒนาบล็อกเชนซื้อขายเหล็กสู่ Financial Supply Chain ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมจับมือสถาบันการเงินนำระบบการจ่ายเงิน การปล่อยสินเชื่อ เชื่อมโยงบล็อกเชน คาดเริ่มใช้งานเต็มรูปแบบต้นปีหน้า
บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ร่วมกับบริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด เปิดตัวการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) แบบ Multi-tier supply chain ใช้งานจริงครั้งแรกในการซื้อขายเหล็ก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อและเตรียมพัฒนาต่อยอดสู่ห่วงโซ่อุปทานทางการเงิน (Financial Supply Chain) เต็มรูปแบบ
นายธานี โลเกศกระวี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและการตลาด บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมิลล์คอน สตีล ได้ร่วมมือกับบริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด พัฒนาโซลูชั่นสำหรับงานขายโดยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนประยุกต์ใช้งานด้านเอกสารซื้อขายออนไลน์ระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้า เพื่อความสะดวก รวดเร็ว แม่นยำและสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ
นายธานี กล่าวว่า ธุรกิจเหล็กของกลุ่มบริษัทมิลล์คอน สตีล มีโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานซับซ้อน ประกอบกับการเติบโตในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ อาทิ รถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ขณะที่บิลค์ฯ มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาระบบ ERP และ Digital Workflow ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่มาก่อน จึงเกิดความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนขึ้นเพื่อนำมาใช้ในธุรกิจซื้อขายวัสดุก่อสร้าง โดยเริ่มจากการซื้อขายสินค้ากลุ่มเหล็กของกลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล ซึ่งเป็นโรงงานผู้ผลิตกับลูกค้า ทำให้สามารถลดระยะเวลาและเพิ่มความปลอดภัยในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการลดการใช้เอกสาร ซึ่งเป็นการลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองด้วย
“เดิมทีระบบกระบวนการซื้อขายเหล็กของบริษัทฯ มีขั้นตอนที่ต้องการการตรวจสอบและใช้เอกสารจำนวนมาก อีกทั้งค่อนข้างใช้เวลาและต้องอาศัยแรงงานคน กลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล จึงร่วมกับบิลค์ฯ พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อปรับปรุงกระบวนการการทำงานและเครือข่ายซัพพลายเชน ตั้งแต่โรงงานผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้าง” นายธานี กล่าว
ด้านนายไผท ผดุงถิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าที่ซื้อขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซของบริษัทฯ กว่า 75% ของยอดขายมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยมีกลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล เป็นซัพพลายหลัก ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน แบบ Multi-tier Supply Chain เพื่อยกระดับบล็อกเชนให้มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งเป็นระบบที่ใช้งานจริงครั้งแรกในการซื้อขายเหล็ก และพร้อมพัฒนาต่อยอดสู่ Financial Supply Chain ซึ่งเป็นการพัฒนาการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปีหน้า
“การบริหารจัดการระบบเอกสารของลูกค้าผ่านระบบการซื้อขายจะเปิดประตูใหม่ให้กับลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อกับธนาคารจะทำงานร่วมกับธนาคาร เพื่อนำธุรกรรมที่อยู่บนบล็อกเชนนี้ไปเชื่อมกับกระบวนการจ่ายเงินและการให้สินเชื่อกับลูกค้าที่มาใช้บริการซื้อขายเหล็กผ่ายบล็อกเชน (e-Factoring ) เพื่อเพิ่มช่องทางการขอสินเชื่อให้กับลูกค้า มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและศึกษาร่วมกับธนาคารพาณิชย์ คาดว่าปีหน้าจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนขึ้น” นายไผท กล่าว.-สำนักข่าวไทย