ทำเนียบฯ 22 พ.ย. – ครม.เศรษฐกิจหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ดันจีดีพีปี 62 ไม่หลุดเป้าหมายร้อยละ 2.7 นายกฯ สั่งเตรียมรับมือภัยแล้ง สินค้าเกษตร เร่งรัดลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เปลี่ยนแผนกู้เงินดอลลาร์สหรัฐ สร้างรถไฟฟ้าไทย-จีน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจรับทราบแนวทางบริหารจัดการเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 2.4 และไตรมาส 4 คาดว่าขยายตัวร้อยละ 2.8 ทั้งปีขยายตัวร้อยละ 2.6 รัฐบาลจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษามาตรการออกมาดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงเดือนธันวาคมที่เหลืออยู่ 1 เดือน ทั้งด้านการบริโภค การท่องเที่ยว การลงทุน และเกษตรกรรายย่อย ต้องสรุปให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ หลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เริ่มหารือกับหลายหน่วยงาน เมื่อรวมกับแผนเร่งรัดเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจ 111,556 ล้านบาท ปัจจัยการใช้จ่ายผ่าน โครงการชิมช้อปใช้ และเงินลงทุนขนาดใหญ่ คาดว่าจีดีพี จะไม่ให้หลุดเป้าหมายการทำงานของรัฐบาลตั้งเป้าหมายจีดีพีร้อยละ 2.7-3.7 ในปี 2562
สำหรับการลงทุนกว่าแสนล้านบาทของรัฐวิสาหกิจที่พร้อมอัดฉีดออกสู่ระบบได้ทันที มีเงินลงทุนของ ปตท.และบริษัทลูก 3 แห่ง วงเงินเกินครึ่งยอดถึง 67,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และอีกหลายหน่วยงาน ครม.เศรษฐกิจจึงได้เร่งรัดแผนลงทุนให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เตรียมรับมือปัญหาภัยแล้ง การดูแลผู้ส่งออก โรงสีข้าว เกษตรกร ชาวไร่อ้อย ส่วนปัญหาแรงงาน เมื่อได้รับการชี้แจง ที่ประชุมคลายความกังวล เนื่องจากตัวเลขตกงาน 300,000-400,000 คน หรือสัดส่วนร้อยละ 1-1.1 ของประชากร เป็นตัวเลขปกติของไทย และยังเป็นตัวเลขดีกว่าหลายประเทศ จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องปัญหาตกงาน
นายกอบศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลยังกำหนดแผนบริหารเศรษฐกิจปี 2563 มุ่งเน้นดูแล 5 กลุ่มหลัก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่องท่ามกลางเศรษฐกิจโลกมีปัญหา เพราะถือว่าแนวโน้มการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น ประกอบด้วย 1.การดูแลภาคเกษตร กำลังแรงงาน ผู้มีรายได้น้อย เอสเอ็มอี และเศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น 2. การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐ หลังจากงบประมาณปี 2563 เริ่มเบิกจ่ายเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งงบประจำ งบลงทุน เงินลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.การขับเคลื่อนการส่งออกให้ได้ร้อยละ 3 ในปี 2563 ทางกระทรวงพาณิชย์รับการบ้านดังกล่าวแล้วมุ่งหมายผลักดันให้ดีขึ้น
4.การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจากยอด 39.8 ล้านคนในปี 2562 เพิ่มเป็น 41.8 ล้านคนในปี 2563 และ 5.การสร้างความเชื่อมั่นเพื่อส่งเสริมการขยายตัวการลงทุนภาคเอกชน เป้าหมายเงินลงทุน 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ในปี 2563 ผ่านการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และอีกหลายมาตรการ ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจยังเร่งรัดการลงทุนรถไฟไทย-จีน ด้วยการปรับแผนจากการกู้เงินกว่า 50,000 ล้านบาท จากเดิมในรูปค่าเงินบาท เพื่อรักษาความเสี่ยงและมีต้นทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถูกลงได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หันมากู้เงินในประเทศในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐ และยังเร่งรัดการสร้างรถไฟทางคู่นครปฐม-ชุมพร เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ อาคารที่พักผู้โดยสารสุวรรณภูมิ การสร้างเส้นทางพระราม 3 -ดาวคะนอง เมื่อเงินออกสู่ระบบมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกมีปัญหา แต่ไทยยังขับเคลื่อนไปได้ถือว่ายังมีแนวโน้มดีในปลายปีนี้สำหรับไทย.-สำนักข่าวไทย