ประมุข 2 ศาสนา พบกระชับความสัมพันธ์

วัดราชบพิธฯ 21 พ.ย.- สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระดำรัสต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เยือนไทยอย่างเป็นทางการ กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมายาวนานของสองศาสนา 


สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระดำรัสต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ในโอกาสเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562  ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ความว่า 


“ขอถวายพระพร สมเด็จพระสันตะปาปา ผู้ทรงสมณคุณ อาตมาภาพ ในนามคณะสงฆ์ไทย ขอถวายอนุโมทนาสาธุการ ในโอกาสที่พระองค์เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย และเสด็จมาทรงเยี่ยมอาตมาในวาระนี้ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพึงจดจารึกไว้เป็นศุภนิมิตแห่งน้ำใจไมตรีที่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกกับพุทธจักรไทยมีสืบเนื่อง กันมาอย่างแน่นแฟ้นราบรื่นและงดงามเป็นเวลาเนิ่นนานนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา


เมื่อ 35 ปีล่วงมาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เฉพาะพระพักตร์พระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถแห่งนี้ สมเด็จพระอุปัชฌา ยะของอาตมาภาพ คือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ได้เสด็จลงทรงรับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก เสด็จมาทรงเยี่ยมประมุขแห่งพุทธจักรไทย ณ ราชอาณาจักรไทย  ภาพเหตุการณ์ ในวันนั้นยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของอาตมาภาพผู้มีโอกาสได้เฝ้าอยู่ในการดังกล่าวด้วย ทั้งสองพระองค์ทรงปราศรัยกันทรงแสดงพระอัธยาศัยอันงามต่อกัน บนพื้นฐานแห่งพระเมตตาจิตอย่างแท้จริง ในฐานะนักบุญ ผู้ประเสริฐแห่งสองศาสนาซึ่งมุ่งหมายจะแผ่ความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ไปสู่ทุกชีวิตอย่างไม่ประมาณเป็นอุดมการณ์ร่วมกัน

ขอถวายพระพรทรงทราบว่าใต้ฐานพระพุทธอังคีรสยังเป็นที่บรรจุพระบรม อัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 เมื่อพุทธศักราช 2440 เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรังคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีนาถ ผู้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11 เมื่อปีพุทธศักราช 2477 อีกทั้งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  ผู้เคยเสด็จ พระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 เมื่อพุทธศักราช 2503 และทรงเคยรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ซึ่งเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อพุทธศักราช 2527

สถานที่แห่งนี้จึงเป็นมงคลสถานสำหรับการพบกันของเราทั้งสอง ด้วยส่วนแห่งพระวรกายของทุกๆพระองค์ยังคงประดิษฐานเป็นสักขีพยานแห่งมิตรภาพซึ่งได้ทรงสร้างสรรค์ไว้นับตั้งแต่อดีตสมัย หากแต่ละพระองค์มีพระวิญญาณวิถีใดที่จะทรงหยั่งทราบคงจะทรงโสมนัสพระราชหฤทัยไม่น้อย ที่ได้ทอดพระเนตรเห็นความเจริญงอกงามแห่งทางพระราชไมตรี  เป็นภาพอันน่าประทับใจอีกครั้งในวันนี้ การเสด็จมาครั้งนี้ของพระองค์จึงไม่ใช่การมาของมิตรใหม่ แต่เป็นการมาเยือนของมิตรแท้อันเก่าแก่ของไทย ระยะทางที่ห่างไกลกันหาใช่อุปสรรคของความสนิทสนมกลมเกลียวกันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ว่า ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมผ่านพ้นศัตรูทั้งปวง 

บัดนี้ มหาบพิตรทรงพระอุตสาหกรรมพระวรกายบนหนทางแสนไกล เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยและมาทรงเยี่ยมอาตมา ด้วยน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพถึงที่นี้อาตมาภาพขอสนองน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพนั้นๆ ตอบถวายเป็นหลายเท่าทวีคูณด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตาธรรมซึ่งพระองค์ทรงเจริญมั่นอยู่ในพระหฤทัยและด้วยศุภผลแห่งกุศลเหตุ คือความไม่ประทุษร้ายมิตร ขอพระองค์ทรงสถาพรเป็นปูชนียสถานอันประเสริฐของศาสนิกบริษัทและทรงพระเจริญในสมณคุณค้ำจุนให้ผ่องแผ้ว ผ่านพ้นพิบัติทั้งปวง สมตามพระพุทธานุศาสนี ดังอาตมาภาพอัญเชิญมาอ้างเป็นสัจจะวาจาข้างต้นนี้ทุกประการ ขอถวายพระพร”

ต่อจากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส กราบทูลสมเด็จพระอริยวงศาค ตญาณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ความว่า 

“กราบทูลทราบฝ่าพระบาทหม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งในพระดํารัสต้อนรับของฝ่าพระบาทและปีติอย่างยิ่งที่ได้เริ่มต้นภารกิจแรกของการเยือนราชอาณาจักรนี้ โดยการมาเฝ้าฝ่าพระบาท ณ วัดราชบพิธฯ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณค่าอันประเสริฐ อีกทั้งได้เรียนรู้คำสอนในพระพุทธศาสนาที่แสดงถึงคุณลักษณะของปวงชนอันเป็นที่รักของผู้เป็น ศาสนิกชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยพระพุทธศาสนาเกื้อกูลให้เคารพต่อชีวิตดูแลผู้อาวุโส ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย บนพื้นฐานความตั้งมั่นแห่งจิต การปล่อยวางความเพียรและความมีวินัย เป็นลักษณะที่เฉพาะอัตลักษณ์พิเศษของคนไทย ทำให้ผืนแผ่นดินนี้เป็นที่รู้จักในนามของประเทศแห่งรอยยิ้ม การพบปะระหว่างฝ่าพระบาทและหม่อมฉันในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิถีแห่งความชื่นชมและการยอมรับซึ่งกันและกันที่บรรดาผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าเรา ได้เริ่มต้นไว้ หม่อมฉันปรารถนาที่จะให้การพบปะในวันนี้เป็นการเจริญรอยตาม พร้อมทั้งกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างศาสนิกของเรา โดยเฉพาะเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้วสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 เมื่อครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระวันรัตเสด็จ  พร้อมด้วยคณะพระเถระไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ณ นครรัฐวาติกัน  อันเป็นเหตุการณ์สำคัญในการพัฒนาการเสวนาระหว่างศาสนาทั้ง2 นำไปสู่การที่สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 18 และในกาลต่อมาฝ่าพระบาทยังทรงพระกรุณาโปรดประทานอนุญาตให้คณะพุทธบริษัท จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม นำบทแปลพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ ซึ่งจารึกเป็นภาษาบาลีและถูกเก็บรักษาอยู่ในหอสมุดวาติกันเดินทางไปมอบให้หม่อมฉัน เป็นโอกาสให้หม่อมฉันได้ต้อนรับด้วยความชื่นชมยินดี นับเป็นก้าวสำคัญประจักษ์พยานว่าวัฒนธรรมแห่งการพบปะฉันมิตร เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่เพียงแต่ต่อบรรดาศาสนิกชนของเราแต่ยังพึงไปในชาวโลก ซึ่งนับว่ามีแนวโน้มจะยุยงให้เกิดความแตกแยก เมื่อเรามีโอกาสที่จะเข้าใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้ว่ามีความแตกต่างกันบ้าง แต่ในที่สุดก็จะบังเกิดผลอันดีงามสู่ชาวโลก วาจาแห่งความหวังย่อมสามารถให้กำลังใจและพลิกฟื้นบุคคลผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความแตกแยกได้ 

ในศุภวาระเช่นนี้เตือนสติพวกเราให้เข้าใจความสำคัญของศาสนาในฐานะที่เป็นประภาคารแห่งความหวังและเป็นดวงประทีปที่ส่งเสริมสนับสนุนและเป็นหลักประกันแห่งภราดรภาพ หม่อมฉันขอขอบใจปวงชนชาวไทยที่ให้โอกาสศาสนิกชนคาทอลิกผู้เข้ามาในประเทศไทยกว่า 4 ศตวรรษที่แล้ว ถึงแม้ว่าชาวคาทอลิกจะเป็นเพียงกลุ่มศาสนิกอันน้อยนิดแต่ก็ได้รับเสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม และได้ดำรงชีวิตอย่างสันติสุขกับพี่น้องพุทธศาสนาทั้งชายหญิงมาเป็นเวลาหลายร้อยปี 

ในการเดินทางมาและก้าวเดินต่อไปด้วยความไว้วางใจกันและภราดรภาพต่อกันเช่นนี้ หม่อมฉันปรารถนาที่จะเน้นย้ำความตั้งใจจริงส่วนตัวหม่อมฉันและของพระศาสนจักรคาทอลิก โดยส่วนรวมในการที่จะเสริมสร้างให้เกิดเสวนาที่เปิดเผยและเคารพซึ่งกันและกันในการรับใช้เพื่อสันติภาพตลอดจนความผาสุกของศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า โดยอาศัยการเสวนาในระดับวิชาการ ซึ่งช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติสมาธิ การแสดงความเมตตาและการศึกษาใคร่ครวญอย่างละเอียด ซึ่งล้วนเป็นคุณธรรมที่เรายึดถือร่วมกันในสองศาสนา เราก็สามารถเจริญ เติบโตในการเป็นเพื่อนบ้านแบบมิตรแท้ที่ดีต่อกัน เราจะสนับสนุนให้ศาสนิกชนได้ค้นหาวิธีการแสดงความเมตตาในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อจะได้เป็นการส่งเสริมให้พวกเขาดำเนินชีวิตในความเป็นพี่น้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาผู้ที่ยากจนที่สุด และกับโลกอันเป็นบ้านส่วนรวมของเราที่กำลังถูกทำลาย ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถสร้างวัฒนธรรมแห่งความเมตตาภราดรภาพและการพบปะทั้งที่นี้และที่อื่นๆในโลก หม่อมฉันมั่นใจว่าวิธีการเช่นนี้จะเกิดผลอย่างบริบูรณ์ในอนาคต

หม่อมฉันขอขอบพระทัยฝ่าพระบาทอีกครั้งหนึ่งที่ประทานโอกาสให้เราทั้งสองได้พบกันหม่อมฉันขออธิษฐานวิงวอนต่ออานุภาพอันสูงสุด เพื่อถวายพระพรแด่ฝ่าพระบาท ขอฝ่าพระบาทมีพระพลานามัยแข็งแรง และเปี่ยมด้วยพระเกษมสุขอีกครั้งขอถวายพระพรให้ฝ่าพระบาทมีพระกำลังที่จะทรงนำพาพุทธศาสนิกชนให้ประสบสันติสุขสืบไป ขอขอบพระทัย” .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]