ประมุข 2 ศาสนา พบกระชับความสัมพันธ์

วัดราชบพิธฯ 21 พ.ย.- สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระดำรัสต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เยือนไทยอย่างเป็นทางการ กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมายาวนานของสองศาสนา 


สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระดำรัสต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ในโอกาสเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562  ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ความว่า 


“ขอถวายพระพร สมเด็จพระสันตะปาปา ผู้ทรงสมณคุณ อาตมาภาพ ในนามคณะสงฆ์ไทย ขอถวายอนุโมทนาสาธุการ ในโอกาสที่พระองค์เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย และเสด็จมาทรงเยี่ยมอาตมาในวาระนี้ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพึงจดจารึกไว้เป็นศุภนิมิตแห่งน้ำใจไมตรีที่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกกับพุทธจักรไทยมีสืบเนื่อง กันมาอย่างแน่นแฟ้นราบรื่นและงดงามเป็นเวลาเนิ่นนานนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา


เมื่อ 35 ปีล่วงมาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เฉพาะพระพักตร์พระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถแห่งนี้ สมเด็จพระอุปัชฌา ยะของอาตมาภาพ คือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ได้เสด็จลงทรงรับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก เสด็จมาทรงเยี่ยมประมุขแห่งพุทธจักรไทย ณ ราชอาณาจักรไทย  ภาพเหตุการณ์ ในวันนั้นยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของอาตมาภาพผู้มีโอกาสได้เฝ้าอยู่ในการดังกล่าวด้วย ทั้งสองพระองค์ทรงปราศรัยกันทรงแสดงพระอัธยาศัยอันงามต่อกัน บนพื้นฐานแห่งพระเมตตาจิตอย่างแท้จริง ในฐานะนักบุญ ผู้ประเสริฐแห่งสองศาสนาซึ่งมุ่งหมายจะแผ่ความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ไปสู่ทุกชีวิตอย่างไม่ประมาณเป็นอุดมการณ์ร่วมกัน

ขอถวายพระพรทรงทราบว่าใต้ฐานพระพุทธอังคีรสยังเป็นที่บรรจุพระบรม อัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 เมื่อพุทธศักราช 2440 เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรังคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีนาถ ผู้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11 เมื่อปีพุทธศักราช 2477 อีกทั้งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  ผู้เคยเสด็จ พระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 เมื่อพุทธศักราช 2503 และทรงเคยรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ซึ่งเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อพุทธศักราช 2527

สถานที่แห่งนี้จึงเป็นมงคลสถานสำหรับการพบกันของเราทั้งสอง ด้วยส่วนแห่งพระวรกายของทุกๆพระองค์ยังคงประดิษฐานเป็นสักขีพยานแห่งมิตรภาพซึ่งได้ทรงสร้างสรรค์ไว้นับตั้งแต่อดีตสมัย หากแต่ละพระองค์มีพระวิญญาณวิถีใดที่จะทรงหยั่งทราบคงจะทรงโสมนัสพระราชหฤทัยไม่น้อย ที่ได้ทอดพระเนตรเห็นความเจริญงอกงามแห่งทางพระราชไมตรี  เป็นภาพอันน่าประทับใจอีกครั้งในวันนี้ การเสด็จมาครั้งนี้ของพระองค์จึงไม่ใช่การมาของมิตรใหม่ แต่เป็นการมาเยือนของมิตรแท้อันเก่าแก่ของไทย ระยะทางที่ห่างไกลกันหาใช่อุปสรรคของความสนิทสนมกลมเกลียวกันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ว่า ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมผ่านพ้นศัตรูทั้งปวง 

บัดนี้ มหาบพิตรทรงพระอุตสาหกรรมพระวรกายบนหนทางแสนไกล เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยและมาทรงเยี่ยมอาตมา ด้วยน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพถึงที่นี้อาตมาภาพขอสนองน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพนั้นๆ ตอบถวายเป็นหลายเท่าทวีคูณด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตาธรรมซึ่งพระองค์ทรงเจริญมั่นอยู่ในพระหฤทัยและด้วยศุภผลแห่งกุศลเหตุ คือความไม่ประทุษร้ายมิตร ขอพระองค์ทรงสถาพรเป็นปูชนียสถานอันประเสริฐของศาสนิกบริษัทและทรงพระเจริญในสมณคุณค้ำจุนให้ผ่องแผ้ว ผ่านพ้นพิบัติทั้งปวง สมตามพระพุทธานุศาสนี ดังอาตมาภาพอัญเชิญมาอ้างเป็นสัจจะวาจาข้างต้นนี้ทุกประการ ขอถวายพระพร”

ต่อจากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส กราบทูลสมเด็จพระอริยวงศาค ตญาณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ความว่า 

“กราบทูลทราบฝ่าพระบาทหม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งในพระดํารัสต้อนรับของฝ่าพระบาทและปีติอย่างยิ่งที่ได้เริ่มต้นภารกิจแรกของการเยือนราชอาณาจักรนี้ โดยการมาเฝ้าฝ่าพระบาท ณ วัดราชบพิธฯ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณค่าอันประเสริฐ อีกทั้งได้เรียนรู้คำสอนในพระพุทธศาสนาที่แสดงถึงคุณลักษณะของปวงชนอันเป็นที่รักของผู้เป็น ศาสนิกชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยพระพุทธศาสนาเกื้อกูลให้เคารพต่อชีวิตดูแลผู้อาวุโส ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย บนพื้นฐานความตั้งมั่นแห่งจิต การปล่อยวางความเพียรและความมีวินัย เป็นลักษณะที่เฉพาะอัตลักษณ์พิเศษของคนไทย ทำให้ผืนแผ่นดินนี้เป็นที่รู้จักในนามของประเทศแห่งรอยยิ้ม การพบปะระหว่างฝ่าพระบาทและหม่อมฉันในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิถีแห่งความชื่นชมและการยอมรับซึ่งกันและกันที่บรรดาผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าเรา ได้เริ่มต้นไว้ หม่อมฉันปรารถนาที่จะให้การพบปะในวันนี้เป็นการเจริญรอยตาม พร้อมทั้งกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างศาสนิกของเรา โดยเฉพาะเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้วสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 เมื่อครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระวันรัตเสด็จ  พร้อมด้วยคณะพระเถระไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ณ นครรัฐวาติกัน  อันเป็นเหตุการณ์สำคัญในการพัฒนาการเสวนาระหว่างศาสนาทั้ง2 นำไปสู่การที่สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 18 และในกาลต่อมาฝ่าพระบาทยังทรงพระกรุณาโปรดประทานอนุญาตให้คณะพุทธบริษัท จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม นำบทแปลพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ ซึ่งจารึกเป็นภาษาบาลีและถูกเก็บรักษาอยู่ในหอสมุดวาติกันเดินทางไปมอบให้หม่อมฉัน เป็นโอกาสให้หม่อมฉันได้ต้อนรับด้วยความชื่นชมยินดี นับเป็นก้าวสำคัญประจักษ์พยานว่าวัฒนธรรมแห่งการพบปะฉันมิตร เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่เพียงแต่ต่อบรรดาศาสนิกชนของเราแต่ยังพึงไปในชาวโลก ซึ่งนับว่ามีแนวโน้มจะยุยงให้เกิดความแตกแยก เมื่อเรามีโอกาสที่จะเข้าใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้ว่ามีความแตกต่างกันบ้าง แต่ในที่สุดก็จะบังเกิดผลอันดีงามสู่ชาวโลก วาจาแห่งความหวังย่อมสามารถให้กำลังใจและพลิกฟื้นบุคคลผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความแตกแยกได้ 

ในศุภวาระเช่นนี้เตือนสติพวกเราให้เข้าใจความสำคัญของศาสนาในฐานะที่เป็นประภาคารแห่งความหวังและเป็นดวงประทีปที่ส่งเสริมสนับสนุนและเป็นหลักประกันแห่งภราดรภาพ หม่อมฉันขอขอบใจปวงชนชาวไทยที่ให้โอกาสศาสนิกชนคาทอลิกผู้เข้ามาในประเทศไทยกว่า 4 ศตวรรษที่แล้ว ถึงแม้ว่าชาวคาทอลิกจะเป็นเพียงกลุ่มศาสนิกอันน้อยนิดแต่ก็ได้รับเสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม และได้ดำรงชีวิตอย่างสันติสุขกับพี่น้องพุทธศาสนาทั้งชายหญิงมาเป็นเวลาหลายร้อยปี 

ในการเดินทางมาและก้าวเดินต่อไปด้วยความไว้วางใจกันและภราดรภาพต่อกันเช่นนี้ หม่อมฉันปรารถนาที่จะเน้นย้ำความตั้งใจจริงส่วนตัวหม่อมฉันและของพระศาสนจักรคาทอลิก โดยส่วนรวมในการที่จะเสริมสร้างให้เกิดเสวนาที่เปิดเผยและเคารพซึ่งกันและกันในการรับใช้เพื่อสันติภาพตลอดจนความผาสุกของศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า โดยอาศัยการเสวนาในระดับวิชาการ ซึ่งช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติสมาธิ การแสดงความเมตตาและการศึกษาใคร่ครวญอย่างละเอียด ซึ่งล้วนเป็นคุณธรรมที่เรายึดถือร่วมกันในสองศาสนา เราก็สามารถเจริญ เติบโตในการเป็นเพื่อนบ้านแบบมิตรแท้ที่ดีต่อกัน เราจะสนับสนุนให้ศาสนิกชนได้ค้นหาวิธีการแสดงความเมตตาในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อจะได้เป็นการส่งเสริมให้พวกเขาดำเนินชีวิตในความเป็นพี่น้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาผู้ที่ยากจนที่สุด และกับโลกอันเป็นบ้านส่วนรวมของเราที่กำลังถูกทำลาย ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถสร้างวัฒนธรรมแห่งความเมตตาภราดรภาพและการพบปะทั้งที่นี้และที่อื่นๆในโลก หม่อมฉันมั่นใจว่าวิธีการเช่นนี้จะเกิดผลอย่างบริบูรณ์ในอนาคต

หม่อมฉันขอขอบพระทัยฝ่าพระบาทอีกครั้งหนึ่งที่ประทานโอกาสให้เราทั้งสองได้พบกันหม่อมฉันขออธิษฐานวิงวอนต่ออานุภาพอันสูงสุด เพื่อถวายพระพรแด่ฝ่าพระบาท ขอฝ่าพระบาทมีพระพลานามัยแข็งแรง และเปี่ยมด้วยพระเกษมสุขอีกครั้งขอถวายพระพรให้ฝ่าพระบาทมีพระกำลังที่จะทรงนำพาพุทธศาสนิกชนให้ประสบสันติสุขสืบไป ขอขอบพระทัย” .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับ มือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ

ตรัง 12 พ.ค.- ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับมือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ขณะที่ญาตินิมนต์พระทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรัง ลงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 170 ไร่ จุดเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงและเผานั่งยางผู้จัดการสวน เพื่อนร่วมงาน และลูกน้องรวม 3 ศพ และจุดพบศพปริศนาถูกเผาและฝังดินอีก 1 ศพ ในพื้นใกล้กัน รวมทั้งหมดเป็น 4 ศพ โดยเป็นการลงพื้นที่ซ้ำ เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะบริเวณขนำจุดยิงผู้ตายทั้ง 3 ราย ก่อนนำไปจุดไฟเผา โดยตำรวจพบหัวกระสุนปืนขนาด 11 มม.เพิ่มเติมอีก 1 หัว แต่ทั้งนี้ พบอุปสรรคสำคัญในการทำงานเก็บพยานหลักฐาน เนื่องจากในพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ร่องรอยพยานหลักฐานบางอย่างถูกทำลาย ซึ่งขณะนี้ทำให้ทราบว่าขณะเกิดเหตุมีการใช้อาวุธปืนหลายขนาด เพราะพบหัวกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังคงกระจายกำลังกันลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ อ.สิเกา อ.วังวิเศษ จ.ตรัง และต.ทรายขาว […]

ออกหมายจับ สจ.คนดังพร้อมพวก รุมทำร้าย ตร.คาหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 12 พ.ค.- ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ สจ.คนดัง พร้อมพวกรวม 7 คน หลังก่อเหตุรุมทำร้าย ‘ด.ต.’ คาหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งเอาผิด พวกทำตัวเหนือกฎหมาย จากกรณีสมาชิกสภา อบจ.สงขลา บุตรชาย สส.สงขลา ก่อเหตุสั่งให้ลูกน้อง 6 คน รุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต สังกัด ตชด.43 ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้ง บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลาหลัง ส.อบจ.คนดังกล่าว เข้ามาใช้สิทธิที่หน่วย และให้ลูกน้องถ่ายรูป ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด.ต.นิสาธิต จึงได้เข้าไปตักเตือน สร้างความไม่พอใจ ก่อนขับรถออกจากหน่วยเลือกตั้ง จากนั้นมีกลุ่มชายชกรรจ์ 5-7 คน เข้ามาที่หน่วยเลือกตั้ง และรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต บาดเจ็บ ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง อ้างว่าลูกพี่ใหญ่ ไม่มีใครกล้าทำอะไร ล่าสุด ศาลจังหวัดสงขลาอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 […]

เพลิงไหม้มาราธอน โหมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ยังคุมไม่ได้

12 พ.ค.- ยังไม่ดับ! ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ยังไม่สามารถลงไปได้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ รุดลงพื้นที่ สั่งอพยพชาวบ้านใกล้เคียง เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ยืนยันสถานการณ์จะคลี่คลายภายในวันนี้ เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ลุกโหมมาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ ตลอดทั้งคืน ยังมีไฟปะทุออกจากชั้นใต้ดินของโครงสร้างอาคาร     ล่าสุดเช้าวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมวิศวกรผู้ เชี่ยวชาญด้านอาคารโรงงานอุตสาหกรรม ตำรวจ และทีมกู้ภัย เร่งเข้าตรวจสอบความเสียหายรอบพื้นที่โรงงาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เผยว่า มอบหมายให้ ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา(ดร.จอร์น) ประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายธราพงษ์ เพ็ชรคง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง ลงพื้นที่ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุยังจุดเกิดเหตุ ส่วนแนวทางปฏิบัติการ เตรียมใช้โฟมประกอบน้ำ ฉีดเข้าจุดที่ยังคงมีเพลิงปะทุคาดว่าจะควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้ภายในช่วงเที่ยงวันนี้   ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน แต่ยังไม่สามารถลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ หน้ากากออกซิเจน […]

กทม.ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง.

กรุงเทพฯ 12 พ.ค. – กทม. ประกาศยุติการค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง. ด้านรองผู้ว่าฯ กทม. สั่งลดระดับกองปูนซากตึกข้างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จาก 9 เมตร เหลือ 6 เมตร ป้องกันอันตรายและง่ายต่อการค้นหาหากมีชิ้นส่วนที่เหลือติดค้างอยู่ เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา (12 พ.ค. 68) ที่กองอำนวยกาารร่วม สน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ ถ.กำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม รศ.ทวิดา เปิดเผยว่า วันนี้การค้นหาผู้ติดค้างภายในซากอาคารดังกล่าวยุติทั้งหมดแล้ว และเวลา 17.00 น. วันนี้ ทีมสุนัข K9 จะเข้าสำรวจความชัดเจนบริเวณกองซากวัสดุอาคาร สตง. หลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้เเน่ใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้ว ส่วนด้านเครื่องจักรในพื้นที่จะยังคงทำงานอยู่ เนื่องจากจะมีการขนซากเศษปูนที่อยู่ตรงโซน A ทั้งหมด ย้ายออกไปหลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยในเวลา […]