นครศรีธรรมราช 17 พ.ย. – “สนธิรัตน์” หนุนน้ำมันบนดิน พลิกเศรษฐกิจฐานราก เดินหน้าส่งเสริมดีเซล B10 ปักหมุดโซฮอล์ E20 เป็นเบนซินฐาน
วันนี้ (17 พ.ย.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกล่าวปาฐกถาเรื่อง “B10 น้ำมันบนดิน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ภายในงานสัมมนา B10 ราคาปาล์มจะรุ่ง หรือร่วง ซึ่งจัดขึ้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมนโยบายพลังงานเพื่อประชาชนทุกระดับตามนโยบาย Energy For All เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานและสามารถใช้พลังงานในการเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระดับภาพรวมและเศรษฐกิจฐานรากที่สามารถพึ่งพาตนเองได้
“ในฐานะกระทรวงพลังงานเป็นหนึ่งในกระทรวงดูแลด้านเศรษฐกิจ ตั้งใจทำ 2 เรื่องหลัก คือ ลดความเหลื่อมล้ำ และใช้กลไกด้านพลังงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ประชาชน ให้กับชุมชน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้าให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ในปี 2579 จึงมีโครงการต่าง ๆ เกิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์นโยบายนี้ ทั้งการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน การส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพจากไบโอดีเซลและเอทานอลผสมในเนื้อน้ำมัน ซึ่งถือเป็นน้ำมันบนดินที่มาจากผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นจุดแข็งของไทย ช่วยสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น B10 ขณะนี้ได้ประกาศให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 น้ำมัน B10 จะเป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศแทน B7 โดยน้ำมันดีเซล B7 เป็นทางเลือกสำหรับรถเก่าและรถยุโรปที่ยังรองรับไม่ได้ และมี B20 เป็นทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ หากผลักดันการใช้ B10 สำเร็จจะทำให้การใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นประมาณ 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มประมาณ 40% จากปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ (13 พ.ย.) มีปริมาณการใช้ไบโอดีเซล 5.15 ล้านลิตรต่อวัน ก็จะเพิ่มเป็นประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวันในปี 2563
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ราคา B10 ถูกกว่า B7 ถึง 2 บาทต่อลิตร เพื่อจูงใจให้เกิดการใช้เพิ่มขึ้น โดยกระทรวงฯ ตั้งเป้าหมายให้สถานีบริการน้ำมันมี B10 จำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่ 1 มีนาคม 2563 ปัจจุบันมีสถานีบริการ B10 ทั่วประเทศ 120 สถานี เฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช มี 5 สถานี และผลจากการผลักดันนโยบาย B10 เกิดประโยชน์ขึ้นหลายต่อทั้งการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มดิบจากการใช้ไบโอดีเซลในภาคพลังงานมากขึ้น โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์บริหารจัดการผลผลิตปาล์มน้ำมัน เพื่อใช้ผลิตไบโอดีเซลและเพื่อใช้บริโภค และร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันการลักลอบการนำเข้าปาล์มดิบจากต่างประเทศด้วย อันจะมีส่วนช่วยยกระดับราคาผลปาล์มน้ำมัน และทั้งยังช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดการพึ่งพานำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างประเทศ ที่สำคัญลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
นอกจากนี้ น้ำมันบนดินชนิดต่อไปที่กระทรวงฯ จะผลักดัน คือ การส่งเสริมเอทานอลที่ผลิตจากอ้อย มันสำปะหลัง เพื่อผสมในน้ำมันเบนซิน โดยมีแผนยกระดับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซิน และมีแผนจะลดจำนวนชนิดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่จำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันลง โดยใช้กลไกส่วนต่างราคาปลีกจูงใจประชาชนหันมาใช้ E20 เพิ่มขึ้น
“ขอให้เชื่อมั่นว่านโยบายของกระทรวงพลังงานจะเป็นเครื่องมือสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทุกระดับ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา และขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ขับเคลื่อนชีวิตของคนไทยทุกคนในปัจจุบันไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืนตามนโยบายพลังงานเพื่อทุกคน พลังงานเพื่อชุมชน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว.-สำนักข่าวไทย