จ่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯ

กรุงเทพฯ 30 ต.ค. – สนพ.เร่งศึกษาแผนเร่งด่วน ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยเฉพาะราคาหน้าโรงกลั่นฯ เตรียมแผนรับเทคโนโลยีใหม่ ผลักดันโครงข่ายสมาร์ทกริด เพิ่มประสิทธิภาพกำลังผลิตไฟฟ้า 


นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนพ.เร่งศึกษานโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพลังงานทั้งปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ที่จะเน้นเรื่องปรับราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดมากยิ่งขึ้น ส่วนจะเป็นเรื่องค่าขนส่ง หรือการอ้างอิงที่เหมาะสม คงต้องมาดูรายละเอียก ซึ่งจะสรุปภายในเดือนพฤษศจิกายนนี้ เพราะนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต้องการทำเรื่องนี้ให้เป็นหนึ่งในของขวัญภาคประชาชน อย่างไรก็ตาม โครงสร้างราคายังเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น เช่น ภาษีสรรพสามิต กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ต้องทำความเห็นมาประกอบร่วมด้วย 

ส่วนการปรับปรุงแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี  (พีดีพี 2018) จะเร่งทำให้เสร็จภายใน 3 เดือน หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563  โดยโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจะไม่ปรับแต่อย่างใด จะปรับเพียงในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มีสัดส่วนร้อยละ 20 ของกำลังผลิตไฟฟ้า โดยที่จะปรับให้พลังงานทดแทนเข้าระบบเร็วขึ้น และอาจจะเพิ่มสัดส่วนเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพให้เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งจะอยู่ในสัดส่วนของโรงไฟฟ้าชุมชน และอาจจะลดสัดส่วนการส่งเสริมโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนจากเดิมกำหนดไว้ประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ 


“โซลาร์ภาคประชาชนคงจะต้องปรับให้เหมาะสม โดยจะเห็นว่าจากที่มีการเปิดรับซื้อปี 2562 ในปริมาณ 100 เมกะวัตต์นั้น ล่าสุดเสนอเข้ามาเพียง 1 เมกะวัตต์เท่านั้น ซึ่งคาดว่าอัตราไม่สนับสนุนอาจจะไม่จูงใจ ขณะที่อาจจะลดสัดส่วนนี้ไปเพิ่มในส่วนของเชื้อเพลิงชีวมวล ชีวภาพ มากขึ้น” นายวัฒนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ สนพ.ได้จัดสัมมมา “สมาร์ทกริด (Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต” เดินหน้าแผนพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด  ตอบโจทย์สังคมพลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฟฟ้า โดยใช้ทรัพยากรน้อยลง คาดสิ้นปีการดำเนินการนำร่องปี 2560-2564 คาดจะช่วยลดกำลังผลิต300 เมกะวัตต์ และเกิดไมโครกริดได้อย่างน้อย 3 แห่ง 


สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ. 2558 – 2579 ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 และ 17 มีนาคม 2558  ซึ่งแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ. 2558 – 2579 ได้วางนโยบายและกรอบทิศทางการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทยในภาพรวม เพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐคือ 3 การไฟฟ้า กฟผ. กฟภ. กฟน. และภาคเอกชน ได้กำหนดทิศทางแผนการพัฒนาและการลงทุนที่สอดคล้องกับกรอบการพัฒนาตามนโยบายของประเทศ ตั้งเป้าสร้างให้เกิด Smart System , Smart Life และ Green Society  โดย Smart System จะช่วยลดความต้องการโรงไฟฟ้าสำรอง จำนวนการเกิดไฟฟ้าดับ และ Loss จากการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าได้  Smart Life จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนมีความทันสมัย สะดวกสบายมากขึ้นจากเทคโนโลยีการใช้พลังงานในอนาคต และ Green Society จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบไฟฟ้ามากกว่าร้อยละ 15  และมีการพัฒนาระบบ Micro Grid เพื่อการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนในชุมชน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้