กรุงเทพฯ 29 ต.ค. – โออาร์เร่งปรับตัวทรานส์ฟอร์ม เน้นกลยุทธ์ การตลาด สู่แบรนด์ระดับโลกภายใน 2 ปี และอีก 5 ปี ธุรกิจนอนออยล์จะมีสัดส่วนทำไรเพิ่มมากขึ้น
นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วางแผน บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) หรือโออาร์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินโครงการปรับปรุงองค์กร (transform) เพื่อรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (disruptive technology) ซึ่งจะเน้นเรื่องกลยุทธ์และการตลาดที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายระยะแรกในช่วง 2 ปีจากนี้ เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกที่จะสร้างคุณค่าให้กับชุมชนและสังคม สร้างความคล่องตัวทางธุรกิจเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
“กระบวนการทรานส์ฟอร์มมาแล้ว 3-4 เดือน เปลี่ยนชื่อสถานีบริการจาก PTT เป็น PTT Station ครบทุกแห่งแล้ว โดยสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 มีสถานีบริการน้ำมันในประเทศ 1,835 แห่ง และต่างประเทศ 281 แห่ง ในกัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในประเทศ ก็จะยังเห็นการขยายสถานีบริการน้ำมันต่อเนื่อง และจะเชื่อมโยงกับธุรกิจสมัยใหม่อย่างการให้บริการดิลิเวอรี่ รวมถึงบางแห่ง EV Charge จากปัจจุบันมี 17 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20-25 แห่งในปี 63 “ นายบุรณิน กล่าว
ขณะที่สัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ 3 เสาหลักธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจน้ำมัน นอนออยล์ (ธุรกิจไม่ใช่น้ำมัน ) และต่างประเทศ จะเปลี่ยนแปลงในช่วง 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ EBITDA ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจน้ำมันร้อยละ 60-70 นอนออยล์ ร้อยละ24 และต่างประเทศร้อยละ 6-7 ก็จะเปลี่ยนไป โดยสัดส่วน EBITDA ของนอนออยล์ และต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น สัดส่วนธุรกิจน้ำมันจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากในประเทศคาดว่าจะมีพลังงานทดแทนที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตได้ไม่มากนัก
สำหรับกลยุทธ์การเติบโตของนอนออยล์ ไม่ได้เน้นเพียงการขยายสาขา แต่จะต้องเติบโตในเรื่องของระบบการบริการ ระบบบริหารจัดการภายในร้าน รวมถึงการนำสินค้าชุมชนเข้าสู่แพลตฟอร์มเพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่ตลาด ซึ่งจะช่วยเกษตรกร และชุมชน หรือเอสเอ็มอีให้แข็งแรงมากขึ้น เช่น ร้านคาเฟ่อเมซอน ณ สิ้นสิงหาคม 2562 มีในไทย 2,700 แห่ง ร้านสะดวกซื้อ ภายใต้ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่มีสัญญาการให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน และร้านจิฟฟี่ ซึ่งเป็นของกลุ่มโออาร์ ศูนย์บริการยานยนต์ Fit Auto ร้านค้าที่ซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์เข้ามาดำเนินงาน เช่น ไก่ทอดเท็กซัส ร้านติ่มซำฮั่วเซ่งฮง ร้านโดนัท แด๊ดดี้ โด เป็นต้น
ด้านธุรกิจต่างประเทศ มีสถานีบริการน้ำมัน 3 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ รวมกัน 281 แห่ง และมีร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน 222 แห่ง ใน 9 ประเทศ ได้แก่ จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และโอมาน ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ จิฟฟี่ 77 แห่ง ในลาวและกัมพูชา รวมถึงมีธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานในสนามบินหลัก 3 แห่งในกัมพูชา และจัดหาน้ำมันอากาศยานให้กับบริษัทในลาว และล่าสุดร่วมกับพันธมิตรในเมียนมา เพื่อทำโครงการธุรกิจคลังและค้าส่งปิโตรเลียม และโครงการธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีก โดยจะเห็นสถานีบริการน้ำมันแห่งแรกในเมียนมาในช่วงไม่เกินไตรมาส 2/2563.-สำนักข่าวไทย