กรุงเทพฯ 29 ต.ค. – รมว.เกษตรฯ สั่ง สศก.ติดตามผลกระทบสหรัฐตัด GSP ชี้สินค้าเกษตรบางรายการอาจราคาสูงขึ้น เนื่องจากสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ย้ำพลิกวิกฤติเป็นโอกาส สั่งทุกหน่วยงานส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้าน สศก.เร่งหารือผู้แทน USDA และ FAO ด่วน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) วิเคราะห์และติดตามผลกระทบต่อสินค้าเกษตรและอาหารจากกรณีสหรัฐอเมริกาแจ้งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีสินค้า (GSP) จากไทย โดย สศก.ยืนยันว่าสินค้าเกษตรและอาหารหลักของไทยส่งออกไปสหรัฐจะไม่ได้ผลกระทบมากนัก
ทั้งนี้ จากการประกาศตัดสิทธิ GSP สินค้า 573 รายการ เป็นสินค้าเกษตร 157 รายการ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้า ผักแปรรูป ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ชาเขียว ขิงป่น หูฉลาม เส้นพาสต้า ผลไม้แปรรูป จึงอาจมีผลทำให้ราคาขายสูงขึ้น เช่น สินค้าผลไม้แปรรูป มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐปี 2561 ประมาณ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ จะถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 4%-14% เส้นพาสต้า มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐปี 2561 ประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ จะถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 6.4%
สำหรับกลุ่มประมงแปรรูปอื่นที่อาจจะถูกตัดสิทธิ GSP ครั้งนี้ ไม่ใช่กลุ่มพิกัดสินค้าประมงหลักที่ไทยส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ คือ กุ้งและปลาทูน่ากระป๋อง ซึ่งยังมีการนำเข้าอย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก จึงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นสหรัฐที่มีต่อไทยในการให้ความร่วมมือต่อต้านประมงผิดกฎหมาย (IUU fishing) ระหว่างอาเซียนและแปซิฟิก อีกทั้งจะผลักดันให้จัดทำนโยบายประมงอาเซียนและการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนในการต่อต้านการประมงผิดกฎหมายในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 31 ตุลาคมถึง 4 พฤศจิกายนนี้ด้วย
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ สศก. เปิดเผยว่า รมว.เกษตรฯ สั่งการให้หารือกับกับอัครราชทูตฝ่ายการเกษตรไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.และผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กรุงโรม ประเทศอิตาลี ผ่านระบบประชุมทางไกล อีกทั้งจะเชิญผู้แทนกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) และ FAO ประจำประเทศไทยเข้าพบหารือ เพื่อแสวงความร่วมมือกันภายในสัปดาห์หน้า
นายระพีภัทร์ กล่าวต่อว่า ในคราวเดียวกันนี้สหรัฐประกาศคืนสิทธิ GSP ให้ไทยบางรายการ ซึ่งมีสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ดอกกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสินค้ามูลค่าสูงที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตและเพาะพันธุ์กล้วยไม้ใหม่เข้าสู่ตลาดสหรัฐมากขึ้นและโกโก้ ซึ่งเป็นสินค้าเศรษฐกิจใหม่ที่กระทรวงเกษตรฯ มีแผนผลักดันให้เป็นสินค้าสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดสูง และประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกและสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม จึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายการผลิตสินค้าดังกล่าว
“รมว.เกษตรฯ กำชับให้ใช้หลักตลาดนำการเกษตร โดยให้ทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ตลาดโลกต้องการ อีกทั้งให้ปรับวิกฤติเป็นโอกาส เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารของไทยต้องเร่งปรับตัวเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยให้เป็นที่เชื่อถือของตลาดต่างประเทศ จึงจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสินค้าเกษตรและอาหารไทยในตลาดโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายระพีภัทร์ กล่าว
สำหรับหลักสิทธิ GSP ถือเป็นการให้ฝ่ายเดียวของประเทศที่พัฒนาแล้วต่อประเทศกำลังพัฒนา/ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งการทบทวนสิทธิ GSP ครั้งนี้ เนื่องจากไทยยกระดับการพัฒนา ซึ่งการทบทวนมีทั้งแบบรายสินค้า โดยพิจารณาจากส่วนแบ่งการตลาดและรายประเทศ ซึ่งพิจารณาจากระดับการเปิดตลาดให้แก่สหรัฐ การปฏิบัติด้านแรงงาน การปฏิบัติด้านทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย