ดีเอสไอ 24 ต.ค.-ดีเอสไอยืนยันคดีบิลลี่ คืบเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ต้นเดือน พ.ย.นี้ ชัดเจนว่าจะออกหมายเรียก หรือหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องได้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีการฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย หลังเสร็จการประชุมคณะพนักงานสอบสวน เมื่อช่วง 09.00 น.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมความคืบหน้าคดี พบว่า การวบรวมพยานหลักฐานทุกด้าน มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า ร้อยละ 90 โดยได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 100 ปาก เหลืออยู่ขณะนี้ประมาณ 30 กว่าปาก ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการสอบสวน รวมทั้งรอผลกลรตรวจพิสูจน์กระดูกที่เหลือจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงจะมีความชัดเจนเรื่องการออกหมายเรียก หรือหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ได้ ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ ภายในต้นเดือนพฤศจิกายนมั่นใจจะสามารถปิดคดีได้ตามกรอบระยะเวลา 3 เดือนที่แจ้งไว้ คือภายใน วันที่ 2 ธ.ค.นี้
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ส่วนที่มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในคดีนี้ คือข้อมูล จากการตรวจสอบผลการพิสูจน์ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรที่พบชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะของบิลลี่ ผลพิสูจน์สอดคล้องกับการตรวจของกองพิสูจน์หลักฐานของตำรวจถูธรภาค 7 พบว่า รูที่ปรากฎบนถังน้ำมัน ทั้ง 5 รูเกิดจาก การกระทบจากภายนอก ไม่ใช่เกิดจากการผุกร่อนของถัง ทำให้ได้คำตอบว่า ลักษณะของรูที่เกิดขึ้นเกิดจากการเจาะ เพื่อให้อ๊อกซิเจนไหลเวียน ในขณะที่มีการทำให้เผาไหม้
พร้อมกันนี้ขอให้สังคมมั่นใจในกระบวนการทำคดีของดีเอสไอในการคลี่คลายคดีบิลลี่ แม้ว่าตนเองจะสมัครใจขอโยกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ แต่ด้วยระบบการทำงานของดีเอสไอ ในคดีนี้มีอธิบดีดีเอสไอทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนคดี โดยจะส่งต่อเรื่องให้ รองอธิบดี พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ดูแลต่อ ย้ำว่าขอให้ทุกฝ่ายที่ติดตามข่าวนี้มั่นใจการทำงานของดีเอสใอ มีความเป็นมืออาชีพ และพร้อมกลับมาเป็นที่ปรึกษาคดีจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ด้าน รมว.ยุติธรรม กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เคยมีการหารือเพื่อขอรอมชอมคดี และไม่เคยมีผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาพูดคุยเรื่องนี้ เพียงแต่มีการพูดคุย ขอให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนการหารือกับกระทรวงทรัพพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นต้นสังกัดของผู้ต้องสงสัยในคดีนี้นั้น ทางทีมสอบสวนอาจจะมีการหารือกัน แต่จะต้องเป็นไปในทางลับ และต้องเป็นความลับ หากมีการเปิดเผยจะเสียรูปคดี โดยจะไม่มีการเปิดเผยจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้จะให้พ.ต.ท.กรวัชร์ มาเป็นที่ปรึกษาคดีจนกว่าจะสิ้นสุด แต่หากเรื่องนี้ไม่อยู่ในอำนาจของอธิบดีดีเอสไอ ก็จะใช้อำนาจรัฐมนตรีแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่.-สำนักข่าวไทย