อนาคตใหม่ ห้าม “กวินนาถ” ทำกิจกรรมร่วมกับพรรคชั่วคราว

พรรคอนาคตใหม่ 21 ต.ค.-พรรคอนาคตใหม่ ห้าม “กวินนาถ” ทำกิจกรรมร่วมกับพรรคชั่วคราว ชี้ผิดวินัยพรรค รอตั้งคณะกรรมการสอบ “ปิยบุตร” ยืนยันเปิดกว้างให้อิสระ ส.ส.แสดงความเห็น


นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้นำ ส.ส.เขต 14 คนมาร่วมกันแถลงข่าวเพื่อชี้แจงถึงสถานการณ์ภายในพรรคอนาคตใหม่ โดย นายปิยบุตร กล่าวว่า กรณี น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคอนาคตใหม่ โหวตสวนมติพรรค โดยโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับด้วยการให้คณะกรรมการตรวจสอบวินัยและจรรยาบรรณของพรรคที่มีนายชำนาญ จันทร์เรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นประธานคณะกรรมการฯ เข้าไปตรวจสอบ เนื่องจาก น.ส.กวินนาถ ได้ลงมติในที่ประชุมสภาฯ สวนทางกับมติของพรรคถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งตามขั้นตอนของการตรวจสอบ จะเริ่มภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดนครปฐม และเมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว จะส่งให้กับคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป ซึ่งโทษของพรรคตามข้อบังคับจะมีด้วยกัน 4 ประการตามลำดับ ได้แก่ 1.ตักเตือน 2.ภาคทัณฑ์ 3.ตัดสิทธิประโยชน์บางประการของสมาชิก และ 4.ไล่ออกและขับออก

นายปิยบุตร กล่าวว่า เบื้องต้นพรรคจะสั่งห้ามไม่ให้ น.ส.กวินนาถ ดำเนินกิจกรรมใด ๆ กับพรรคอนาคตใหม่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของพรรค นอกจากนี้ ในนามของ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทุกคนกล่าวขอโทษประชาชนเขต 7 ชลบุรี ที่เลือก น.ส.กวินนาถ เป็น ส.ส.ด้วยความหวังที่จะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมา  ตามหลักการแล้วพรรคการเมืองเป็นที่รวมตัวกันเพื่อผลักดันแนวคิดให้สำเร็จ จึงต้องมีแนวทางและอุดมการณ์ของพรรค แต่ ส.ส.ที่สังกัดพรรคการเมืองย่อมต้องมีอิสระ ซึ่งรัฐธรรมนูญก็รับรอง


“หากเราปล่อยให้ ส.ส.ลงมติอิสระโดยไม่สนมติพรรคเลย อย่างนี้ก็จะมีพรรคการเมืองไปเพื่ออะไรและ ส.ส.จะสังกัด นั้นไปเพื่ออะไร ส่วนการหาจุดสมดุลระหว่างแนวทางพรรคและความเป็นอิสระของ ส.ส.นั้น พรรคมีแนวทาง คือ พรรคจะใช้มติที่ประชุม ส.ส.พรรคทุกวันอังคารในทุกบ่าย หลังจากได้มติของวิปฝ่ายค้าน เรื่องไหนเห็นตรงกัน ก็ไม่ต้องลงมติ แต่ถ้าเรื่องสำคัญก็เปิดโอกาสให้ถกเถียงเต็มที่ หลายครั้งผมและหัวหน้าพรรคกลายเป็นเสียงข้างน้อยแล้วแต่ประเด็น  โดยจะถือเอาตามเสียงข้างมากและเคารพเสียงข้างน้อย ผมเชื่อว่า ส.ส.ของพรรคทำงานด้วยกันมาหลายคน ยืนยันได้ว่าที่ประชุม ส.ส.ของพรรคมีการถกเถียงกันอย่างเต็มที่และเปิดโอกาสให้วิจารณ์กันเพื่อถอดบทเรียน อย่างครั้งล่าสุดที่ไปสัมมนาเพื่อถอดบทเรียน ผมและหัวหน้าอยู่ตรงกลาง ก็ให้ ส.ส.พรรควิจารณ์ได้เต็มที่” นายปิยบุตร กล่าว

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวด้วยว่าว่า สำหรับกระแสข่าวเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.ภายในพรรคระหว่าง ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ จนมีข่าวลือออกมาว่ามี ส.ส.ของพรรคจะออกไปตั้งพรรคการเมืองเองนั้น จากข่าวที่เกิดขึ้น เห็นว่าเป็นผลมาจากการออกแบบของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เชื่อว่า ส.ส.แบ่งเขตไปเก็บคะแนนให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า ส.ส.ทั้งระบบ ทำงานด้วยกันอย่างดี มีการสร้างกระบวนการภายในพรรค และร่วมทำงานให้สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรค จากรายงานข่าวที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นความไม่หวังดี

“การเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐม แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของ ส.ส.ทั้งสองระบบของพรรคที่ได้ร่วมกันหาเสียง น่าจะเป็นพรรคการเมืองไม่กี่พรรคที่ ส.ส.ทั้งหมดไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้ผู้สมัคร ส.ส.คนเดียว นอกจากนี้ บทบาทของ ส.ส.ของพรรคได้ปรากฎให้เห็นเด่นชัด เช่น รองโฆษกพรรคสองคนเป็น ส.ส.กทม.และ ส.ส.เชียงราย หรือประธานคณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎรในสัดส่วนของพรรคก็มี ส.ส.เขตของพรรคไปทำหน้าที่ หรือ ส.ส.เขตของพรรคก็ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแบ่งสรรปันส่วนในการทำงาน” นายปิยบุตร กล่าว


นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เวลามองมาที่พรรคอนาคตใหม่ ถ้ามองด้วยมิติการเมืองแบบเก่า ก็จะได้ผลแบบเก่า แต่ถ้ามองด้วยมิติการเมืองแบบใหม่ จะได้การเมืองแบบใหม่ ซึ่งเราฝันกันมานานแล้วว่าพรรคการเมืองควรเป็นของสมาชิกและทุกคนที่เห็นพ้องกันในอุดมการณ์เดียวและผลักดันให้เป็นไปตามอุดมการณ์ แน่นอนว่าเรายังทำได้ไม่เต็มร้อย แต่เรามีความตั้งใจ ดังนั้นพรรคจึงไม่ได้เป็นแค่ที่อาศัยของ ส.ส.เพื่อลงสมัคร หรือที่ที่คนมาอาศัยแบรนด์ของพรรคมาสมัคร ส.ส.เท่านั้น แต่เป็นที่ที่คนมีอุดมการณ์เหมือนกันมาต่อสู้ร่วมกัน

ส่วนกรณีที่ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ได้ลงมติสวนกับมติพรรคในการพิจารณา พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 จะมีการดำเนินการแบบเดียวกับ น.ส.กวินนาถ หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาแล้ว แต่ขอให้เสร็จภารกิจการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐมก่อน จากนั้นจะดำเนินการต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีอดีตสมาชิกพรรคยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่เป็นไรและไม่มีผลกระทบต่อพรรค เพราะการลาออกถือเป็นสิทธิ์ของบุคคลที่มีความเห็นไม่ตรงกับแนวทางของพรรคการเมือง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ผู้อพยพใน จ.สุรินทร์ รอคำสั่งกลับบ้าน

สุรินทร์ 7 ส.ค. – ผู้อพยพใน จ.สุรินทร์ พร้อมกลับบ้าน หากได้รับคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัด หลังทราบผลประชุม GBC ขณะที่วันนี้ “เสก โลโซ” มาเซอร์ไพรส์ ขับร้องเพลงคลายเครียดให้ผู้อพยพ.-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]