“อนุทิน” ชื่นชมโครงการ UCEP สานต่อให้ประชาชนเข้าถึงมากขึ้น

ทำเนียบรัฐบาล 16 ต.ค..-“อนุทิน” ชื่นชมโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (UCEP)  เร่งพัฒนาระบบให้ยั่งยืน เป็นธรรม เพิ่มการเข้าถึงบริการ รอบ 2 ปีที่ผ่านมาช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินได้ร้อยละ 84 ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 10 ว่า โครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินงาน เพื่อให้ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินวิกฤตได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพิ่มโอกาสการรอดชีวิตและลดความพิการ โดยไม่ต้องสำรองเงินค่ารักษาพยาบาลใน 72 ชั่วโมงแรก ผลการดำเนินงานในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ 55,987 ราย จากผู้ขอใช้สิทธิทั้งหมด 417,956 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รองลงมาคือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิประกันสังคม ซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ถึงร้อยละ 84  โดยมีคณะอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ พัฒนาระบบให้เกิดความยั่งยืน เป็นธรรมกับทุกฝ่าย อาทิ การแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงานเพื่อรองรับการเบิกจ่าย แก้ไขประเด็นทางเทคนิค เช่น การรับเรื่องอุทธรณ์ ร้องเรียน การย้ายผู้ป่วย การสำรองเตียง เพิ่มความครอบคลุมกลุ่มประชากร พัฒนาระบบสารสนเทศให้เชื่อมโยงทั้งระบบ รวมทั้งเพิ่มรายการยา 906 รายการ และการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับให้สอดคล้องกับการดำเนินงานมากขึ้น 

“ขอชื่นชมทุกหน่วยงานที่ร่วมกันดำเนินงานโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยเข้าถึงบริการมากขึ้น หากเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่อยู่ใกล้ที่สุดหรือไปถึงเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการช่วยชีวิตอย่างรวดเร็ว อย่าให้เสียโอกาสในช่วงนาทีวิกฤตของชีวิต โทรขอความช่วยเหลือที่สายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายอนุทิน กล่าว  


เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ตามโครงการนี้จะต้องมีอาการฉุกเฉินวิกฤติที่สำคัญ ได้แก่ 1.หัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ ไม่รู้สึกตัว 2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง 4.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็นหรือมีการชักร่วม 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด และ6.มีอาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตร่วม  ประชาชนหรือสถานพยาบาลมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ โทร 02-8721669 หรือ ucepcenter@niems.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าควักหัวใจ

รวบชายชาวจีนฆ่าโหดคู่ขา กรีดหน้าอก ควักหัวใจ-ปอด

ตำรวจรวบชายชาวจีน ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าขู่ขาหมกห้องน้ำอพาร์ตเมนต์ กลางเมืองพัทยา พบร่องรอยถูกกรีดหน้าอก ควักหัวใจ ปอดหายไปข้างหนึ่ง

อุทาหรณ์! จอดรถยนต์ติดเครื่องไว้ เจอขโมยขับหนีหาย

อากาศร้อนเป็นเหตุ หนุ่มสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์รถยนต์จอดไว้ ก่อนลงไปซื้อของ เดินออกมาอีกที เจอคนขโมยรถ ขับหนีหายไปแล้ว

ดับแล้ว 8 ราย รถชนบนมอเตอร์เวย์ อัดก๊อปปี้พังยับ

เกิดอุบัติเหตุใหญ่ช่วงกลางดึก บนมอเตอร์เวย์ สาย 7 มุ่งหน้าชลบุรี รถเทรลเลอร์ 2 คัน กับเอสยูวีอีก 1 คัน คนในรถเอสยูวี เสียชีวิต 8 ราย

ข่าวแนะนำ

ญาติเศร้ารับร่าง ตร.เสียชีวิตจากเครื่องบินเล็กตกทะเลชะอำ

ตั้งแถวรับร่างอย่างสมเกียรติ 2 ตำรวจเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินเล็กตกทะเลชะอำ ตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.ลำปาง และราชบุรี ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว ด้านพ่อของ “ร.ต.อ.จตุรงค์” เผยลางบอกเหตุก่อนเครื่องบินตก ลูกมาขอนอนค้างที่บ้าน รู้ข่าวแทบช็อก

“กล้าธรรม” ขอบคุณคะแนนเสียงชาวนครฯ ลั่นพร้อมพัฒนาแก้ปัญหาให้คนใต้

หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของชาวนครฯ เขต 8 ที่ให้โอกาสพรรคกล้าธรรม เข้ามารับใช้ ลั่นพร้อมช่วย “บิ๊กโอ” พัฒนาแก้ปัญหาให้คนใต้ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน

“บิ๊กโอ” กล้าธรรม นำโด่งเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีฯ เขต 8

“บิ๊กโอ” ผู้สมัครจากพรรคกล้าธรรม นำโด่งทิ้งห่าง “ไสว” จากภูมิใจไทย แล้วกว่าหมื่นคะแนน ในการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8

ตำรวจได้เบาะแสสำคัญโจรชิงทอง กลางห้างฯ อุดรธานี

วงจรปิดเผยคนร้ายใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที ก่อเหตุชิงทองมูลค่ากว่าล้านบาท กลางห้างฯ จ.อุดรธานี ล่าสุดตำรวจได้เบาะแสสำคัญ ทั้งเส้นทางหลบหนี รวมถึงพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุแล้ว