สำนักข่าวไทย 13 ต.ค.-ประธานวิปฝ่ายค้าน
จี้รัฐบาลแจงร่างพรบ.งบ63 หลายส่วนขาดรายละเอียด ส่อขัดกฎหมาย
และเน้นจัดสรรงบด้านความมั่นคงไม่สอดคล้องสถานการณ์ประเทศ
ขู่หากแจงไม่เคลียร์จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ
นายสุทิน คลังแสง
ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)
กล่าวถึงการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563ว่า
ฝ่ายค้านคงใช้รูปแบบเดิมโดยใช้กำลังผสมจากทุกพรรคในการอภิปราย
ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคน และจะหารือกันอีกครั้งในวันที่ 15 ต.ค. เพื่อแบ่งกันอภิปราย
ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีผู้แสดงความจำนงที่จะอภิปรายประมาณ 60 คน ดังนั้นเวลาในการอภิปราย 2 วันน่าจะไม่พอเพียง
จึงควรให้อภิปราย 3 วัน ตั้งแต่ 09.30น.ถึง 24.00น. หากรวม 3 วันจะได้ประมาณ 40
ชั่วโมง เพราะช่วงแรกจะมีการพิจารณาพระราชกำหนดก่อน จึงจะขอประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าขออภิปรายกันตามความเป็นจริง
ซึ่งจะแบ่งกัน 5-6 นาทีเท่านั้น
ทั้งนี้เท่าที่ดูการจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้พบว่ามีหลายส่วนที่จัดไว้โดยไม่มีรายละเอียด
ซึ่งตามรัฐธรรมนูญระบุว่าจะต้องมีรายละเอียด
ถือว่ามีการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหากไม่ปรับปรุงก็อาจจะไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
“เท่าที่เห็นตอนนี้มีการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายจุดทั้งรัฐธรรมนูญ พรบ.ระเบียบงบประมาณ พรบ.วินัยการเงินการคลัง
แผนยุทธศาสตร์ชาติ ผมดูแล้วการจัดงบประมาณ ดูหลายจุด ขัดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ
ก็ต้องขอคำชี้แจง เพราะรัฐบาลทำอะไรที่ขัดกฎหมายมาแล้วหลายครั้ง
มันก็ต้องจบที่ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ดี ต้องรอฟังคำชี้แจงก่อน
แต่หากไม่เคลียร์ก็ต้องจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ
เพราะการจัดสรรงบประมาณต้องทำเป็นบรรทัดฐาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของรัฐธรรมนูญนี้
ปีหน้าก็ต้องจัด ปีต่อๆไปก็ต้องจัดทุกปี แล้วถ้าเราไม่สร้างบรรทัดฐานไว้ ก็จะมีปัญหาในวันข้างหน้า
ดังนั้นแม้ว่าเราไม่อยากยื่น ไม่อยากร้อง แต่อันไหนที่ทำผิดกฎหมายชัดเจน
เราจะปล่อยไป มันก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”นายสุทิน
กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน
ตั้งข้อสังเกตว่าการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลเน้นไปที่กระทรวงด้านความมั่นมาก
ไม่สัมพันธ์กับปัญหาประเทศ เช่นเน้นงบประมาณในกระทรวงกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
ขณะที่งบประมาณในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจยังน้อย
รวมทั้งงบประมาณในการดูแลประชาชนโดยเฉพาะงบในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคยังน้อย
จึงจะเสนอให้ปรับปรุง รวมทั้งเห็นว่าประมาณการรายรับก็ไม่น่าจะทำได้ตามเป้า
เพราะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง แล้วจะจัดเก็บภาษีให้สูงขึ้นได้อย่างไร
รวมถึงการจัดสรรงบประกันรายได้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีจำนวนมาก
จะเหมือนกรณีของการจำนำข้าวหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรงบกลางไว้จำนวนมากโดยที่ไม่มีรายละเอียดในการใช้งบประมาณ ดังนั้นหากจะใช้เพื่อฉุกเฉินหรือช่วยน้ำท่วมก็สามารถจัดสรรไปอยู่ในกระทรวงอื่นที่สามารถตรวจสอบได้
และแบ่งอำนาจไปให้ช่วยกันดูแล
ดังนั้นทั้งหมดนี้รัฐบาลจะต้องชี้แจงในวันพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณฯ
สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายค้านจะไม่โหวตรับร่างพรบ.งบประมาณฯครั้งนี้นั้น
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ไม่ได้ลงมติให้
ดังนั้นการที่ร่างพรบ.งบประมาณฯจะผ่านหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประโยชน์ของประเทศ
หากจัดสรรมาไม่ดี ก็อยากให้รัฐบาลกลับไปทำใหม่ ให้เหมาะสม และลำพังเสียงของรัฐบาลก็พอเพียงอยู่แล้ว
หากไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเอง ซึ่งเท่าที่ติดตามก็เห็นว่ารัฐบาลมีปัญหา. สำนักข่าวไทย