เกษตรฯ พลิกแผ่นดินสู่ออร์แกนิคไทยแลนด์

กรุงเทพฯ 9 ต.ค. – “อลงกรณ์” ยัน “เฉลิมชัย” อยากพบทั้งกลุ่มหนุน-ต้านสารพิษ แต่วูบกะทันหัน ลั่นสั่งแบนทันที พร้อมพลิกแผ่นดินสู่ออร์แกนิคไทยแลนด์ เป็นครัวของโลก ขณะที่เครือข่ายต้านสารเคมีฯ ยังไม่วางใจ คกก.วัตถุอันตราย กลัวผิดหวังครั้งที่ 3 เรียกร้องนายกฯ แบน 3 สารพิษภายในปีนี้ หากยื้อเวลาม็อบผู้บริโภคลุกฮือทั่วประเทศแน่ 


นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมกับเครือข่ายต้านสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร 686 องค์กร ว่า พรรคประชาธิปัตย์และกระทรวงเกษตรฯ ยืนยันมีนโยบายแบน 3 สารเคมี ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตทันที สำหรับสาเหตุที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาร่วมประชุมไม่ได้ เพราะมีอาการชาที่มือและแขนทั้ง 2 ข้างมา 2 วัน ก่อนประชุมมีอาการวูบ หน้ามืดจึงมอบให้ตนมารับหนังสือแทน ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายขับเคลื่อนไปสู่เกษตรยั่งยืน ทำให้ประเทศไทยเป็น “Organic Thailand” และยินดีร่วมกับทุกกลุ่ม เพื่อแก้ปัญหาที่หมักหมมด้านเกษตรมานานครึ่งศตวรรษที่จะต้องไร้ทุจริตและไร้ผลประโยชน์แอบแฝง

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า รมว.เกษตรฯ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารเกษตรกรรมยั่งยืนและเป็นประธาน จะเร่งเสนอร่าง พ.ร.บ.เกษตรกรรมยั่งยืนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว เพื่อจะเดินหน้าทำเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบในพื้นที่เกษตร 149 ล้านไร่ทั่วประเทศ พร้อมกับตรา พ.ร.บ.องค์กรเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ เพื่อเป็นองค์กรทำหน้าที่ขับเคลื่อนการทำเกษตรในประเทศไทยให้ดำเนินตามศาสตร์พระราชาได้แก่ ทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ โดยดำเนินการผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) 882 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์ถ่ายทอดความรู้ที่มีกว่า  10,000 แห่ง รวมทั้งร่วมกับยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เกษตรแปลงใหญ่ ตั้งเป้าผลักดันไปสู่เกษตรอินทรีย์ 1 ล้านไร่ ภายในปี 2563 จำนวน 5 ล้านไร่ และปีต่อไป จะขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ปีละ 25 % พร้อมกับปรับปรุงโครงสร้างภาษีตามกฎหมายสิทธิ์ความปลอดภัยของผู้บริโภค เพื่อเก็บภาษีการนำเข้าสารเคมีทุกชนิดมาเข้ากองทุนเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทยเหมือน เช่น การเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่ 


“จะไม่ยอมให้คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง หรือต้องอยู่กับโรคต่าง ๆ อย่างทุพพลภาพ เหมือนพืชผักที่ตายทั้งเป็น ดังนั้น การแบน 3 สารพิษ จะต้องเกิดขึ้น 1 ธันวาคมนี้ โดยรัฐบาลมอบให้รัฐมนตรีที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคนเดินหน้าเรื่องนี้ทันที นอกจากนี้ นายเฉลิมชัย ได้เรียกบัญชีสารชีวภัณฑ์จากกรมวิชาการเกษตรมาดูทั้งหมดอย่างเร่งด่วน เพื่อปรับเปลี่ยนการทำเกษตรของประเทศนี้ไปสู่เกษตรยั่งยืนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะเกษตรกรเคยชินกับการใช้สารเคมี แต่เป็นเป้าหมายแรกที่จะให้เป็นสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยพร้อมจะเป็นครัวโลก และก้าวไปสู่เกษตรอินทรีย์ หรือ G0 Organic Thailand” นายอลงกรณ์ กล่าว

ด้านนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) กล่าวว่า ไม่ผิดหวังที่ไม่ได้พบ รมว.เกษตรฯ เพราะไม่สบายจริง ๆ เช่นเดียวกับ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ที่ต้องพักฟื้นที่ รพ.สมิติเวช หลังการประชุมแบน 3 สาร เพราะคงโดนกดดันมาตลอด ซึ่งอยากขอให้ข้อเสนอการแบน 3 สาร ของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะนำเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีความหนักแน่นและสมบูรณ์ เพื่อจะได้ไม่ผิดหวังเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา ที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายยืดระยะเวลาการแบนสารพิษออกไป และขอเรียกร้องให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการลงมติแบบเปิดเผย ไม่ใช่ลงมติลับเหมือนที่ผ่านมา เพราะตัวแทนหน่วยงานมีถึง 19 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 10 คน ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทค้าสารเคมีข้ามชาติ และบริษัทนำเข้าสารเคมี อย่าให้เกิดเหมือนครั้งที่ผ่านมาที่ลงมติให้ใช้ต่อ โดยอ้างว่ายังไม่มีสารทางเลือก  

“พวกเรากังวลอย่างเดียว รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะแบน 3 สาร แต่ท้ายที่สุดจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ จะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากดูกรอบเวลาจะต้องมีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อให้การแบน 3 สาร มีผลบังคับใช้ทันวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ตามที่ น.ส.มนัญญา เสนอ และเรียกร้องนายกรัฐมนตรีจะต้องเห็นผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ และต้องมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่จะปรับเปลี่ยนจากเกษตรเคมีเป็นเกษตรปลอดภัย ซึ่งรัฐต้องสนับสนุนเกษตรกรเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมารัฐอำนวยความสะดวกให้เอกชน โดยไม่เก็บภาษีนำเข้าสารต่าง ๆ มากว่า 30 ปี อ้างว่าเกษตรกรจะได้มีต้นทุนราคาถูก และเชื่อว่าเมื่อเกษตรกรรู้พิษภัยของสารเคมี เกษตรกรจะไม่ยินยอมให้ผู้อื่นเอาสารพิษมาให้ใช้อีก ทางเครือข่ายจะติดตามท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป” นายวิฑูรย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

ปล่อยตัว “แซม ยุรนันท์” สวมกอดครอบครัว ขอกลับบ้านก่อน

“แซม ยุรนันท์” ได้รับการปล่อยตัวแล้ว สวมกอดครอบครัวด้วยสีหน้ามีความสุข พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่มาต้อนรับ ขอกลับบ้านก่อน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

จับแล้วมือยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ย่านบางลำพู

“ผู้การจ๋อ” ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทัพสืบ บช.น. ร่วมตำรวจกัมพูชา แกะรอยบุกจับ “จ่าเอ็ม” มือยิง “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถึงพระตะบอง ประเทศกัมพูชา

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี “ดิไอคอน” เปิดใจขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทัณฑสถานหญิง ดูแลเป็นอย่างดี ยืนยันบริสุทธิ์ใจตั้งแต่แรก พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งวันนี้ได้พิสูจน์ตนเองแล้ว

พบ จยย.มือยิงอดีตนักการเมืองกัมพูชาจอดทิ้งปั๊ม คาดได้ตัวเร็วๆ นี้

ตำรวจตรวจพบรถจักรยานยนต์มือยิงอดีตนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาแล้ว จอดทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณเลียบด่วนมอเตอร์เวย์ คาดได้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้