กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – การค้าโลกที่ชะลอตัวจากสงครามการค้าที่ขยายตัวออกไปรวมทั้งผลจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นร้อยละ 5.8 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ลดลง ฉุดดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 62 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 100.58 หดตัวลงร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
นายอดิทัต วะสีนนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ Manufacturing Production Index – MPI ประจำเดือน ส.ค. 62 ว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 100.58 หดตัวลงร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักจากผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและสงครามการค้าโลกจีนและสหรัฐและขยายตัวออกไปในวงกว้าง รวมทั้งผลจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นร้อยละ 5.8 ส่งผลที่ทำให้การค้าโลกชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทำให้คำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ไม่รวมทองคำ หดตัวลงร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนก.ย.62 ยังคงเป็นผลจากสงครามการค้า ค่าเงินบาท ภาวะการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ
สศอ.เชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 316,000 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งมาตรการ ชิป ช้อป ใช้ จะช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรฐษกิจได้ประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท ก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นไม่ให้ชะลอตัวลงไปมากกว่านี้ สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมภาคอีสานส่งผลกระทบ 2 ล้านไร่ กรณีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารเนื่องจากพืชที่ได้รับผลกระทบหลักคือ ข้าว
อุตสาหกรรมที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 62 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ลดลงร้อยละ 8.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวลงร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เช่นถุงมือยางถุงมือตรวจลดลงร้อยละ 21.26 เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน และนำ้ตาล
อุตสาหกรรมที่การผลิตยังขยายตัวดีได้แก่ ฮาร์ตดิส ไดร์ท เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.66 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา เพราะฐานการผลิตในประเทศมาเลเซียปิดตัวลง อาหารทะเลแช่แข็ง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.04 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปลา กุ้งและปลาหมึกแช่แข็ง มีคำสั่งซื้อจากตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตได้ขยายตลาดไปสู่ตลาดการค้าขายปลีกสมัยใหม่และร้านอาหารขนาดใหญ่ รวมถึงเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในตลาดออนไลน์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานมากขึ้น
น้ำดื่ม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.94 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ยกเว้นน้ำแร่ เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีผู้ผลิตบางรายปิดซ่อมบำรุงใหญ่ อีกทั้งรัฐบาลเตรียมขึ้นภาษีความหวานรอบที่ 2 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 62 นี้ รวมถึงกระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
สุรา ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.16 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา จากผลิตภัณฑ์สุราขาวและสุราผสม เนื่องจาการทำการตลาดโดยปรับภาพลักษณ์ของสินค้าและออกผลิตภัณฑ์ใหม่โดยได้รับการตอบรับที่ดีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงการวานแผนขยายตลาดส่งออกสุราผสมไปยังประเทศเวียดนาม เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ และมีแผนจะขยายตลาดไปประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ส่วนน้ำมันปาล์ม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.89 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบที่สภาะภูมิอากาศส่งผลให้ต้นปาล์มออกดอกและติดผลเป็นจำนวนมาก เกษตกรสามารถเก็บเกี่ยวผลปาล์มที่มีความเข้มข้นของน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ผลผลิตน้ำมันปาล์มได้จำนวนมาก รวมถึงนโยบายภาครัฐที่ได้สนับสนุนให้มีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วประเภท B7 B10 B20 และ B100 รวมถึงการนำไปผลิตไฟฟ้า . – สำนักข่าวไทย