กทม. 22 ก.ย.- คืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ พริตตี้สาวสวย “ลัลลาเบล” วันนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้ส่งนาฬิกาของ “ลันลาเบล” ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจหาเวลาสิ้นใจแล้ว พร้อมส่งภาพชายใส่นาฬิกาทอง ลูบหัว “ลันลาเบล” ให้ตำรวจ ปอท. เช็กว่าเป็นใคร ลั่นคดีนี้มีคนผิดแน่นอน คาดจะขอศาลออกหมายจับในสัปดาห์หน้า ขณะที่เจ้าของบ้านจัดปาร์ตี้ แจงนาฬิกาข้อมือสีทองที่ลูบหน้า “ลันลาเบล” เป็นของ “น้ำอุ่น”
ความคืบหน้าการเสียชีวิตของนางสาวธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ ลัลลาเบล พริตตี้สาว วันนี้ตำรวจ ส.น.บุคคโล ยังเดินหน้า ประชุมเร่งคลี่คลายคดี โดย พลตำรวจตรีสัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ระบุว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบได้ปากคำพยาน ที่เกิดเหตุครบทุกคนแล้ว ส่วนพยานบุคคลอื่นๆ คาดว่าภายในวันนี้จะเสร็จสิ้น ยอมรับว่าหากมีประเด็นใหม่เพิ่มเติมก็จะต้องสอบต่อไป รวมถึงการสอบนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือ น้ำอุ่น ด้วย
ส่วนเรื่องนาฬิกาสมาร์ทวอชที่ “ลันลาเบล” ใส่ติดตัวจะเป็นอุปกรณ์ที่บ่งบอกถึงการเต้นของหัวใจ หรือ เวลาที่หยุดหายใจ สิ้นใจตอนไหน หรือไม่นั้น ต้องมีผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ ยืนยันรับรองอุปกรณ์ดังกล่าว ว่ามีความแม่นยำ ชัดเจน 100 เปอร์เซนต์ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งนาฬิกาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอยู่ รวมทั้งเร่งติดตามเจ้าของนาฬิกาข้อมือสีทองที่ปรากฏในคลิปว่าเป็นบุคคลอีกหนึ่งคน ที่อาจไม่ใช่นายน้ำอุ่น ซึ่งตำรวจได้ส่งคลิปดังกล่าว ไปให้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ตรวจสอบรายละเอียดอยู่ ส่วนชายที่ปรากฏในลิฟท์ ขณะน้ำอุ่น ลาก “ลัลลาเบล” เข้าลิฟท์ มีการเรียกสอบแล้ว ซึ่งให้การว่า น้ำอุ่น บอกว่า “ลันลาเบล” เป็นแฟน
ขณะที่ผลการตรวจร่างกายของ “ลัลลาเบล” ตำรวจ สน.บุคคโล ยืนยันว่า ขณะนี้ผลยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่สามารถ ยืนยันความความชัดเจนของปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ตาย ว่ามีถึง 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์หรือไม่ แต่มีคนผิดต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน และเมื่อทราบผลชันสูตร อย่างเป็นทางการ คาดจะขอศาลออกหมายจับได้เร็วที่สุด ในสัปดาห์หน้า
เวลา 15.45 น. ที่สน.บุคคโล ตำรวจมีการเรียก เพื่อน ชื่อโทน และฝน ซึ่งเป็นคนที่ไปพบศพ “ลันลาเบล” นอนเสียชีวิตที่โซฟา ในคอนโดของนายน้ำอุ่น ย่านตลาดพลู มาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หลังพบความเชื่อมโยงในประเด็นใหม่ เช่นกรณีของนาฬิกาสมาร์ทวอช ที่ตั้งข้อสังเกตว่า อาจช่วยในการพิสูจน์ช่วงเวลาของการเสียชีวิตได้
และยังมีรายงานข่าวว่า ขณะนี้ ประเด็นที่ตำรวจมุ่งสอบสวน คือ การคลี่คลายปมการเสียชีวิตเป็นสำคัญ โดยจะแยกประเด็นการจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านย่านบางบัวทองออกไปก่อน หากสุดท้ายแนวทางการสืบสวนพบว่า มีความเชื่อมโยงกัน จึงจะประสานตำรวจในพื้นที่ นำพยานหลักฐานมาประกอบการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนการสอบปากคำพยานในบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ซึ่งมีทั้งหมด 8 คน ไม่รวม “ลัลลาเบล” และนายน้ำอุ่น พบว่าทั้งหมดให้การสอดคล้องไปในทำนองเดียวกัน แต่มีลักษณะคล้ายกับได้รับคำแนะนำจากผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายชี้แนะ ขัดกับพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ จึงมองว่ายังไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร
นอกจากนี้ในที่ประชุม ยังได้รวบรวมคำพิพากษาฎีกาคดีสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในไทยหลายคดี เพื่อนำไปขอคำปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีความรู้ทางข้อกฎหมาย สำหรับนำไปพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา และใช้ประกอบในการไปยื่นขอศาลอนุมัติหมายจับ โดยเฉพาะในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ที่บ้านนายชัยพล หรือคิว พรรณา อายุ 29 ปี เจ้าของบ้าน และนายนที หรือตี๋ สถิตพงษ์สถาพร อายุ 33 ปี พี่ชาย ได้โชว์นาฬิกาข้อมือ ให้สื่อมวลชนดู เพื่อยืนยันว่า ไม่ใช่นาฬิกาข้อมือสีทอง ที่ปรากฏในคลิป ใช้มือลูบหน้า “ลัลลาเบล” ไม่ใช้ของพวกตน แต่อ้างว่า เป็นของน้ำอุ่น ที่ตอนแรก น้ำอุ่น ใส่นาฬิกาตัวเรือนโลหะสายสีทอง แต่ตอนหลัง สายนาฬิกาเกิดหลุด ทำให้น้ำอุ่นหยิบนาฬิกาในกระเป๋าอีกเรือนขึ้นมาใส่แทน โดยเป็นตัวเรือนสีดำ ซึ่งขอยืนยันอีกครั้งว่า เจ้าของมือ และนาฬิกาสีทองลูบไล้ใบหน้าของ ลันลาเบลก็คือ น้ำอุ่น
ส่วนกรณีที่มีพริตตี้สาว “น้องเดียร์” ที่ให้การกับ ตำรวจว่าได้มาร่วมงานในวันเดียวกันหลังจาก “ลันลาเบล” กลับไปแล้ว และตื่นมาพบว่าถูกข่มขืนนั้น นายนที หรือตี๋ ยืนยันไม่ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะทุกคนที่งานดื่มเหล้า มีสภาพที่ไม่สามารถไปทำอะไรใครได้ หาก “เดียร์” บอกว่าถูกข่มขืนจริงให้ไปแจ้งความ ที่ผ่านมา บ้านตน เปิดสังสรรค์มานานแล้ว ถูกเพื่อนบ้านโจมตีร้องเรียนก็มี แต่ก็ได้มีการ ปรับเปลี่ยนแก้ไข ประเด็นยาเสพติด ไม่มีแน่นอน คนในบ้านทุกคนบริสุทธิ์ใจ ให้ ค้นบ้านหมดทุกที่ตรวจร่างกายแล้วไม่พบสารเสพติด “ลัลลาเบล” เพิ่งมาครั้งแรกเราไม่ทราบว่าเขาดังหรือไม่ วันเกิดเหตุ “ลัลลาเบล” ก็ปกติไม่มีใครมอมเหล้า แต่น้องจะกินแบบช็อตเพียวๆ
ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ถึงเหตุผลที่โพสต์เรื่องราวของ “ลันลาเบล” โดยระบุว่า การเสียชีวิตของลัลลาเบล ถือเป็นอีกเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจเพศพาณิชย์ ที่ผู้หญิงมักถูกหาประโยชน์ พร้อมวิเคราะห์กรณี “ลันลาเบล” ที่ได้รับค่าจ้าง 3,000 บาท เรทเงินแค่นี้ลักษณะงานจะเป็นแค่ชงเหล้าในงานปาร์ตี้ แต่เมื่อมีคนอยากได้มากกว่านั้น เช่น ขอมีเพศสัมพันธ์ แต่เจ้าตัวไม่ยอม ก็อาจจะมีการผสมยา ปลุกเซ็กส์ ในเหล้า ซึ่งยาประเภทนี้เหมือนยาขยายหลอดเลือด พอไปขยายหลอดเลือด แล้วดื่มเหล้าผสมเข้าไป ร่างกายบางคนก็อาจรับไม่ไหว ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากค่าจ้างที่ “ลัลลาเบล” ได้รับใน 3,000 บาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรับงานเอ็นวีไอพี เพราะค่าจ้างของงานแบบนี้อยู่ที่หลักหมื่นบาท และที่ผ่านมาพบเหยื่อที่ถูกกระทำแบบลัลลาเบลมาแล้ว แต่เพียงไม่เป็นข่าว จึงอยากเสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยจัดการ เพราะถือว่า เข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์ มีหลายคนมาเกี่ยวข้อง เช่น เอเจนซี่ ผู้ที่ชักชวนเข้าวงการ และผู้ที่ใช้ปาร์ตี้เป็นสถานที่ล่อลวงผู้หญิง
นายชูวิทย์ ยังให้ข้อมูลด้วยว่า แม้ในวงจรธุรกิจเพศพาณิชย์ เช่น การรับงานสายเอ็นเตอร์เทน จะมีความเสี่ยงอันตราย แต่ที่หลายคนอยากเข้าวงการมาทำในแบบนี้ เพราะได้เงินเยอะ ทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงิน ขณะเดียวกันการเข้าสู่วงการทำได้ไม่ยาก ปัจจุบันมีเอเจนซี่ โมเดลิ่งที่รับหาพริตตี้สายเอ็นเตอร์เทนเยอะขึ้น โดยจะส่งต่อข้อมูลงานกันทางกรุ๊ปไลน์ระบุ สเปค เงินค่าตอบแทน ลักษณะงานตั้งแต่ชงเหล้า อัพยา หรือ มีเพศสมพันธ์ ทำให้ธุรกิจในลักษณะนี้ขยายใหญ่ขึ้น และสร้างมูลค่ามีเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า ยาเสพติต
เจ้าของโมเดลิ่ง ซึ่งเป็นผู้จัดหาทั้งพริตตี้ และเด็กเอ็นเตอร์เทน ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวไทยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการ มีทุกรูปแบบตั้งแต่มาคนเดียว หาเพื่อนเที่ยว หรือจะเป็นแบบกลุ่ม ทั้งหน่วยงานเอกชน ราชการ ที่ให้ไปชงเหล้า และสร้างสีสันในงานเลี้ยง โดยผู้ว่าจ้างจะระบุ ถึงสเปคหญิงสาว จากนั้น โมเดลิ่ง ก็จะส่งรูปถ่ายให้เลือก ถ้าเป็นเด็กเอ็นเตอร์เทน จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ส่วนพริตตี้ สายเอ็นเตอร์เทน ต้องผิวขาว ผมยาว หน้าอกใหญ่ ศัลยกรรมไม่เยอะ ค่าจ้างก็จะเป็นไปตามเรทที่ตกลงกันไว้ เช่น เพื่อนเที่ยว ชงเหล้า สร้างสีสัน จะอยู่ที่เรท หลักพันบาท แต่หากเป็นเด็กเอ็น-วีไอพี พร้อมมีเพศสัมพันธ์ จะอยู่ที่หลักหมื่นบาท ซึ่งงานในลักษณะแบบนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกมอมยาง่าย ต้องมีวิธีป้องกันตัว เช่น แก้วเหล้าของตัวเอง ต้องถือแก้วไว้ตลอดเวลา ไม่รับแก้วเหล้าจากคนอื่นมาดื่ม เพราะไม่รู้เลยว่า ในแก้วที่รับมาจากคนอื่นผสมอะไรอยู่บ้าง รวมถึงต้องรู้จักวางตัว หากเป็นงานชงเหล้า ก็ชงเหล้าอย่างเดียว ไม่ถึงเนื้อถึงตัว ป้องกันการถูกลวนลาม.-สำนักข่าวไทย