Big Story : ส่งนาฬิกาของ “ลันลาเบล” ตรวจหาเวลาสิ้นใจ

กทม. 22 ก.ย.- คืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ พริตตี้สาวสวย “ลัลลาเบล” วันนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้ส่งนาฬิกาของ “ลันลาเบล”  ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจหาเวลาสิ้นใจแล้ว พร้อมส่งภาพชายใส่นาฬิกาทอง ลูบหัว “ลันลาเบล” ให้ตำรวจ ปอท. เช็กว่าเป็นใคร  ลั่นคดีนี้มีคนผิดแน่นอน  คาดจะขอศาลออกหมายจับในสัปดาห์หน้า  ขณะที่เจ้าของบ้านจัดปาร์ตี้  แจงนาฬิกาข้อมือสีทองที่ลูบหน้า “ลันลาเบล” เป็นของ “น้ำอุ่น”  


ความคืบหน้าการเสียชีวิตของนางสาวธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ ลัลลาเบล พริตตี้สาว วันนี้ตำรวจ ส.น.บุคคโล ยังเดินหน้า ประชุมเร่งคลี่คลายคดี โดย พลตำรวจตรีสัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ระบุว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบได้ปากคำพยาน ที่เกิดเหตุครบทุกคนแล้ว ส่วนพยานบุคคลอื่นๆ คาดว่าภายในวันนี้จะเสร็จสิ้น ยอมรับว่าหากมีประเด็นใหม่เพิ่มเติมก็จะต้องสอบต่อไป รวมถึงการสอบนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือ น้ำอุ่น ด้วย        


ส่วนเรื่องนาฬิกาสมาร์ทวอชที่ “ลันลาเบล” ใส่ติดตัวจะเป็นอุปกรณ์ที่บ่งบอกถึงการเต้นของหัวใจ  หรือ เวลาที่หยุดหายใจ  สิ้นใจตอนไหน  หรือไม่นั้น  ต้องมีผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ ยืนยันรับรองอุปกรณ์ดังกล่าว ว่ามีความแม่นยำ ชัดเจน 100 เปอร์เซนต์ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งนาฬิกาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอยู่ รวมทั้งเร่งติดตามเจ้าของนาฬิกาข้อมือสีทองที่ปรากฏในคลิปว่าเป็นบุคคลอีกหนึ่งคน ที่อาจไม่ใช่นายน้ำอุ่น ซึ่งตำรวจได้ส่งคลิปดังกล่าว ไปให้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ตรวจสอบรายละเอียดอยู่ ส่วนชายที่ปรากฏในลิฟท์ ขณะน้ำอุ่น ลาก “ลัลลาเบล”  เข้าลิฟท์ มีการเรียกสอบแล้ว ซึ่งให้การว่า น้ำอุ่น บอกว่า “ลันลาเบล” เป็นแฟน 

ขณะที่ผลการตรวจร่างกายของ “ลัลลาเบล” ตำรวจ สน.บุคคโล ยืนยันว่า ขณะนี้ผลยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ   จึงยังไม่สามารถ ยืนยันความความชัดเจนของปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ตาย ว่ามีถึง 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์หรือไม่ แต่มีคนผิดต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน และเมื่อทราบผลชันสูตร อย่างเป็นทางการ คาดจะขอศาลออกหมายจับได้เร็วที่สุด   ในสัปดาห์หน้า           


เวลา 15.45  น.  ที่สน.บุคคโล  ตำรวจมีการเรียก เพื่อน ชื่อโทน และฝน ซึ่งเป็นคนที่ไปพบศพ “ลันลาเบล” นอนเสียชีวิตที่โซฟา ในคอนโดของนายน้ำอุ่น ย่านตลาดพลู มาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หลังพบความเชื่อมโยงในประเด็นใหม่ เช่นกรณีของนาฬิกาสมาร์ทวอช ที่ตั้งข้อสังเกตว่า อาจช่วยในการพิสูจน์ช่วงเวลาของการเสียชีวิตได้ 

และยังมีรายงานข่าวว่า ขณะนี้ ประเด็นที่ตำรวจมุ่งสอบสวน คือ การคลี่คลายปมการเสียชีวิตเป็นสำคัญ โดยจะแยกประเด็นการจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านย่านบางบัวทองออกไปก่อน หากสุดท้ายแนวทางการสืบสวนพบว่า มีความเชื่อมโยงกัน จึงจะประสานตำรวจในพื้นที่ นำพยานหลักฐานมาประกอบการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง  ส่วนการสอบปากคำพยานในบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ซึ่งมีทั้งหมด 8 คน ไม่รวม “ลัลลาเบล” และนายน้ำอุ่น พบว่าทั้งหมดให้การสอดคล้องไปในทำนองเดียวกัน แต่มีลักษณะคล้ายกับได้รับคำแนะนำจากผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายชี้แนะ ขัดกับพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ จึงมองว่ายังไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร 

 

นอกจากนี้ในที่ประชุม ยังได้รวบรวมคำพิพากษาฎีกาคดีสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในไทยหลายคดี เพื่อนำไปขอคำปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีความรู้ทางข้อกฎหมาย สำหรับนำไปพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา และใช้ประกอบในการไปยื่นขอศาลอนุมัติหมายจับ โดยเฉพาะในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

ที่บ้านนายชัยพล หรือคิว พรรณา อายุ 29 ปี เจ้าของบ้าน และนายนที หรือตี๋ สถิตพงษ์สถาพร อายุ 33 ปี พี่ชาย    ได้โชว์นาฬิกาข้อมือ ให้สื่อมวลชนดู เพื่อยืนยันว่า ไม่ใช่นาฬิกาข้อมือสีทอง ที่ปรากฏในคลิป ใช้มือลูบหน้า “ลัลลาเบล” ไม่ใช้ของพวกตน แต่อ้างว่า เป็นของน้ำอุ่น ที่ตอนแรก น้ำอุ่น ใส่นาฬิกาตัวเรือนโลหะสายสีทอง แต่ตอนหลัง สายนาฬิกาเกิดหลุด ทำให้น้ำอุ่นหยิบนาฬิกาในกระเป๋าอีกเรือนขึ้นมาใส่แทน โดยเป็นตัวเรือนสีดำ  ซึ่งขอยืนยันอีกครั้งว่า เจ้าของมือ และนาฬิกาสีทองลูบไล้ใบหน้าของ ลันลาเบลก็คือ น้ำอุ่น

ส่วนกรณีที่มีพริตตี้สาว “น้องเดียร์” ที่ให้การกับ ตำรวจว่าได้มาร่วมงานในวันเดียวกันหลังจาก “ลันลาเบล” กลับไปแล้ว   และตื่นมาพบว่าถูกข่มขืนนั้น นายนที หรือตี๋ ยืนยันไม่ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะทุกคนที่งานดื่มเหล้า มีสภาพที่ไม่สามารถไปทำอะไรใครได้ หาก “เดียร์” บอกว่าถูกข่มขืนจริงให้ไปแจ้งความ ที่ผ่านมา บ้านตน เปิดสังสรรค์มานานแล้ว ถูกเพื่อนบ้านโจมตีร้องเรียนก็มี แต่ก็ได้มีการ ปรับเปลี่ยนแก้ไข ประเด็นยาเสพติด ไม่มีแน่นอน คนในบ้านทุกคนบริสุทธิ์ใจ ให้ ค้นบ้านหมดทุกที่ตรวจร่างกายแล้วไม่พบสารเสพติด “ลัลลาเบล” เพิ่งมาครั้งแรกเราไม่ทราบว่าเขาดังหรือไม่ วันเกิดเหตุ “ลัลลาเบล” ก็ปกติไม่มีใครมอมเหล้า แต่น้องจะกินแบบช็อตเพียวๆ   

ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ถึงเหตุผลที่โพสต์เรื่องราวของ “ลันลาเบล” โดยระบุว่า การเสียชีวิตของลัลลาเบล ถือเป็นอีกเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจเพศพาณิชย์ ที่ผู้หญิงมักถูกหาประโยชน์ พร้อมวิเคราะห์กรณี “ลันลาเบล” ที่ได้รับค่าจ้าง 3,000 บาท เรทเงินแค่นี้ลักษณะงานจะเป็นแค่ชงเหล้าในงานปาร์ตี้  แต่เมื่อมีคนอยากได้มากกว่านั้น เช่น ขอมีเพศสัมพันธ์ แต่เจ้าตัวไม่ยอม ก็อาจจะมีการผสมยา ปลุกเซ็กส์ ในเหล้า ซึ่งยาประเภทนี้เหมือนยาขยายหลอดเลือด พอไปขยายหลอดเลือด แล้วดื่มเหล้าผสมเข้าไป ร่างกายบางคนก็อาจรับไม่ไหว ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากค่าจ้างที่ “ลัลลาเบล” ได้รับใน 3,000 บาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรับงานเอ็นวีไอพี เพราะค่าจ้างของงานแบบนี้อยู่ที่หลักหมื่นบาท และที่ผ่านมาพบเหยื่อที่ถูกกระทำแบบลัลลาเบลมาแล้ว แต่เพียงไม่เป็นข่าว จึงอยากเสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยจัดการ เพราะถือว่า เข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์  มีหลายคนมาเกี่ยวข้อง เช่น เอเจนซี่ ผู้ที่ชักชวนเข้าวงการ และผู้ที่ใช้ปาร์ตี้เป็นสถานที่ล่อลวงผู้หญิง

  

นายชูวิทย์ ยังให้ข้อมูลด้วยว่า แม้ในวงจรธุรกิจเพศพาณิชย์ เช่น การรับงานสายเอ็นเตอร์เทน จะมีความเสี่ยงอันตราย   แต่ที่หลายคนอยากเข้าวงการมาทำในแบบนี้ เพราะได้เงินเยอะ ทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงิน  ขณะเดียวกันการเข้าสู่วงการทำได้ไม่ยาก ปัจจุบันมีเอเจนซี่ โมเดลิ่งที่รับหาพริตตี้สายเอ็นเตอร์เทนเยอะขึ้น โดยจะส่งต่อข้อมูลงานกันทางกรุ๊ปไลน์ระบุ  สเปค เงินค่าตอบแทน ลักษณะงานตั้งแต่ชงเหล้า อัพยา หรือ มีเพศสมพันธ์ ทำให้ธุรกิจในลักษณะนี้ขยายใหญ่ขึ้น และสร้างมูลค่ามีเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า  ยาเสพติต

   

เจ้าของโมเดลิ่ง ซึ่งเป็นผู้จัดหาทั้งพริตตี้ และเด็กเอ็นเตอร์เทน ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวไทยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการ    มีทุกรูปแบบตั้งแต่มาคนเดียว หาเพื่อนเที่ยว หรือจะเป็นแบบกลุ่ม ทั้งหน่วยงานเอกชน ราชการ ที่ให้ไปชงเหล้า และสร้างสีสันในงานเลี้ยง โดยผู้ว่าจ้างจะระบุ ถึงสเปคหญิงสาว จากนั้น โมเดลิ่ง ก็จะส่งรูปถ่ายให้เลือก ถ้าเป็นเด็กเอ็นเตอร์เทน      จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ส่วนพริตตี้ สายเอ็นเตอร์เทน ต้องผิวขาว ผมยาว หน้าอกใหญ่ ศัลยกรรมไม่เยอะ ค่าจ้างก็จะเป็นไปตามเรทที่ตกลงกันไว้ เช่น เพื่อนเที่ยว ชงเหล้า สร้างสีสัน จะอยู่ที่เรท หลักพันบาท แต่หากเป็นเด็กเอ็น-วีไอพี  พร้อมมีเพศสัมพันธ์ จะอยู่ที่หลักหมื่นบาท ซึ่งงานในลักษณะแบบนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกมอมยาง่าย  ต้องมีวิธีป้องกันตัว เช่น   แก้วเหล้าของตัวเอง ต้องถือแก้วไว้ตลอดเวลา ไม่รับแก้วเหล้าจากคนอื่นมาดื่ม เพราะไม่รู้เลยว่า ในแก้วที่รับมาจากคนอื่นผสมอะไรอยู่บ้าง รวมถึงต้องรู้จักวางตัว หากเป็นงานชงเหล้า ก็ชงเหล้าอย่างเดียว ไม่ถึงเนื้อถึงตัว ป้องกันการถูกลวนลาม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 9 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงาาน 10-15 ส.ค. ไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 10 – 15 ส.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]