นายกฯ เผยเตรียมมาตรการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ทำเนียบฯ 16 ก.ย.-นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ขอช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดูแลสังคม ยืนยันให้ความสำคัญน้ำท่วมภาคอีสาน เตรียมพิจารณามาตรการเยียวยาเพิ่มเติม หากมาตรการเดิมไม่เพียงพอ เบื่อบางคนวิจารณ์รัฐบาล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2562 (The Prime Minister’s Industry Award 2019) ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจัดขึ้นเป็นปีที่ 27 โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้บริหาร ข้าราชการ และผู้ประกอบการธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ร่วมงาน ภายในงานมีการจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพและความสำเร็จในการบริหารจัดการองค์กรและธุรกิจของผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2562 จำนวน 68 รางวัล 

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับสถานประกอบการที่ได้รับรางวัล ซึ่งถือเป็นรางวัลสูงสุดในการประกอบธุรกิจ เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า เป็นสถานประกอบการที่มีคุณภาพ มีความสร้างสรรค์ ดูแลสิ่งแวดล้อมและดูแลแรงงาน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้สถานประกอบการอื่น ๆ  ขณะที่รัฐบาลยืนยัน จะส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ขนาดกลางจนถึงขนาดเล็กให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาพัฒนาธุรกิจให้เป็นสากล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ควบคู่กับการดูแลสังคม  


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ผู้ประกอบการ ที่ผ่านมามีการปรับโครงสร้างมากมาย และมุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความจำเป็นต่อประเทศ มุ่งสู่การผลิตเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ในอนาคต  ต้องการให้พัฒนาด้านต่าง ๆไปพร้อมกัน ถ้าอะไรที่เริ่มไปแล้ว ก็ต้องรอให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการช่วยกัน ที่จะมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ขออย่ามุ่งเน้นแต่ลงทุนต่ำ และกำไรมาก 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บ้านเมืองกำลังมีปัญหาหลายด้าน ทุกคนคงทราบดี โดยเฉพาะทางสื่อโซเชียลฯ ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายมากพอสมควรในการบริหารราชการแผ่นดิน ในการที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และการเดินหน้าประเทศ  อย่างไรก็ตามตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ว่าจะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญอีกประการ คือสถานการณ์อุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตนไม่เคยนิ่งนอนใจ และติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด เอาใจใส่และสั่งการต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมการรับมือ แต่เนื่องจากผลกระทบจากพายุ ทำให้มีปริมาณฝนตกมากเกินที่จะรับได้  เพราะในระบบการระบายน้ำจะรองรับได้อยู่ที่ ไม่เกิน 200-300 มิลลิเมตร แต่ภายในเวลา 4-5 วัน มีปริมาณฝนตกถึง 500 มิลลิเมตร 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำ คือการให้ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ในสถานการณ์อุทกภัย ด้วยการจัดอาหาร ที่พัก ซึ่งถือเป็นช่วงที่ต้องอดทน ดูแลสุขภาพอนามัย และหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของการเยียวยา ที่มีมาตรการอยู่แล้ว และมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น งบฯ ฉุกเฉิน และงบฯ ที่จะอนุมัติตามไปในภายหลังเพื่อการเยียวยา ที่ครอบคลุมทั้งความสูญเสียและความเสียหายของที่อยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งหากมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบยาวนาน รัฐบาลต้องพิจารณาว่าการเยียวยาตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ เพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอต้องหารือใน ครม. อีกครั้ง 

“ขออย่าทำให้ทุกอย่างเกิดความสับสน และทำให้เกิดความไม่เข้าใจรัฐบาลมากขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม การเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้นั้น เพราะต้องไปติดตามความคืบหน้าของโครงการแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ที่รัฐบาลอนุมัติงบฯ ลงไปแล้ว สืบเนื่องจากสถานการณ์ฝนตกหนัก จะขยับลงไปในภาคใต้หลังจากนี้ ซึ่งการลงพื้นที่ได้กำชับทุกหน่วยงานบริหารจัดการ ไม่ให้อุทกภัยสร้างผลกระทบกับจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของนายกฯ ขณะที่รัฐมนตรีและส.ส. ก็ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอีกทางหนึ่ง รัฐบาลจะต้องดูแลประชาชนทุกคนทุกครอบครัว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ตนจำเป็นต้องพูดคุยในวันนี้ เพราะต้องการสร้างการรับรู้ใหม่ ๆ เพราะหากเป็นเหมือนเดิม ก็จะไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่ได้โมโหใคร และพยายามทำความเข้าใจถึงคนที่ออกมาวิจารณ์เรื่องเหล่านี้ แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ เพราะหากเป็นตนคงไม่ทำเช่นนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำข่าวของสื่อมวลชนที่บางครั้งจะถามประชาชนว่าลำบากหรือไม่ หรือถามว่าปริมาณน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ และมีความเครียดหรือไม่ ตนมองว่ามีคำถามที่ดีกว่านี้หรือไม่ เช่น ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง รู้ว่าลำบาก ขอให้อดทน รัฐบาลกำลังดูแลอยู่ ซึ่งสื่อฯไม่เคยช่วยในลักษณะเช่นนี้เลย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเชิญชวนภาคเอกชนร่วมบริจาคช่วยผู้ประสบอุทกภัย ร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะเปิดศูนย์รับบริจาคในวันนี้ เพื่อแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยไม่เกี่ยวกับงบฯของรัฐบาล หรือเป็นเพราะรัฐบาลไม่มีเงิน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เข้าใจถึงการที่บางคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ทั้งที่ก็เคยเป็นรัฐบาลมาก่อน และที่ออกมาเรียกร้องนั้น นายกรัฐมนตรีคนก่อนก็ไม่ได้รับฟังมากนัก ซึ่งตนก็อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน และเป็นผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็เห็นชอบตามที่ตนเสนอ แต่วันนี้บุคคลดังกล่าวก็ยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]