ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบแผนบริหารเศรษฐกิจ 7 ด้านในปี 62-63 พร้อมตั้งเป้าดันจีดีพีปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3%
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานตั้งเป้าหมายว่าจะดูแลเศรษฐกิจให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% ในปีนี้ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ประมาณการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อยู่ระหว่าง 2.7 – 3.2% และมีค่ากลาง 3% โดยรายละเอียดทั้งหมดจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ขณะที่ ครม. เศรษฐกิจครั้งต่อไปจะหารือในเรื่องของมาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ และมาตรการส่งเสริมการส่งออกโดยกระทรวงพาณิชย์ปลายเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ ครม.เศรษฐกิจรับทราบการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากช่วงกลางปี 2561 เริ่มมีปัญหาทั้งด้านการผลิต ภาคการเงิน การส่งออก และมีปัจจัยซ้ำเติมจากสงครามเศรษฐกิจจีน-สหรัฐ จนกระทบต่อความเชื่อมั่น และเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลต่อตลาดตราสารหนี้ ตลาดพันธบัตรดอกเบี้ย เริ่มติดลบครั้งแรกในรอบหลายปี ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐลดลงถึง 800 จุด และลดลงหลายครั้งต่อเนื่อง เมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหาย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจไทยชัดเจนมากขึ้น จากเดิมคาดการณ์จีดีพีขยายตัว 4% เริ่มลดลงเหลือ 2.8% ในบางไตรมาส รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันภายใต้งบประมาณที่จำกัด
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกมีปัญหา แต่ไทยยังส่งออกไปจีนได้หลายกลุ่มทั้งด้านอุตสหากรรมเคมี พืชผลทางเกษตร เครื่องปรุงแต่ง เครื่องประดับ รองเท้า เครื่องนุ่งห่ม ขยายตัว 40-46% ขณะที่ตลาดสหรัฐส่งออกขยายตัวในกลุ่มเคมี ยางพารา สิ่งทอ อากาศยาน เพื่อทดแทนกลุ่มที่มีปัญหาส่งออกในช่วงปัญหาของจีนและสหรัฐ นอกจากนี้ ไทยเตรียมพร้อมรับมือการย้ายฐานการลงทุนมาไทยจากปัญหาหลายประเทศ ครม.เศรษฐกิจจึงเห็นชอบแผนบริหารเศรษฐกิจในช่วง 2562-2563 แบ่งออกเป็น 7 ด้าน ประกอบด้วย 1. การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร หรือชุมชนในท้องถิ่น 2. การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ ด้วยการเพิ่มสภาพคล่องทั้งเอสเอ็มอี ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว
3. การยกระดับราคาสินค้าเกษตรและรายได้เกษตรกร ผ่านการพัฒนาด้านตลาดและลดต้นทุนการผลิต 4. การขับเคลื่อนการส่งออกในครึ่งปีหลัง หวังให้การส่งออกปี 2562 ขยายตัว 3% และเพิ่มเป็น 3.5% ในปี 2563 5. การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ เงินลงทุนภาครัฐประจำปี 2562 หลังจากกำหนดเบิกจ่ายงบประมาณรวม 90.7% แบ่งเป็นงบประมาณ 99.0% งบลงทุน 60% งบเหลื่อมปี 70% เงินลงทุนรัฐวิสาหกิจ 75% ส่วนงบประมาณปี 2563 กำหนดเป้าหมายเบิกจ่าย 92.3% งบประจำ 98.0% งบลงทุน 70% เงินลงทุนรัฐวิสหากิจ 80%
6. ด้านการท่องเที่ยว หลังจากการท่องเที่ยวต่างประเทศครึ่งปี 2562 จำนวน 20 ล้านคน เกิดการใช้จ่าย 1.05 ล้านล้านบาท คาดว่าปี 2562 จะมีนักท่องเที่ยวรวม 39.8 ล้านบาท รายได้รวม 2.04 ล้านล้านบาท ขณะที่ยอดนักท่องเที่ยวปี 2563 เพิ่มเป็น 41.8 ล้านคน รายได้รวม 2.22 ล้านล้านบาท และ 7.ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม หลังจากคาดว่ามูลค่าส่งเสริมการลงทุนปี 2562 จำนวน 287,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 จากปี 2561 และตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 301,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 จากปี 2562
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังกำหนดวาระการประชุม เพื่อนำเสนอ ครม.เศรษฐกิจในวันจันทร์สัปดาห์แรกของเดือนและปลายเดือน เพื่อพิจารณาวาระสำคัญ สำหรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนสูง การหารือประเด็นยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และวาระสำคัญตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ จึงได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนบริหารมาตรการเศรษฐกิจ กรรมการจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันวาระด้านเศรษฐกิจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและนำภาพรวมเศรษฐกิจ รายงานต่อที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจรับทราบอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย