“เรืองไกร” ยื่น อสส.ส่งศาล รธน.“การถวายสัตย์ฯ-แถลงนโยบาย” เป็นโมฆะ

สนง.อสส. 7 ส.ค.-  “เรืองไกร” ยื่นอัยการสูงสุดขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “การถวายสัตย์ฯ-แถลงนโยบาย”  เป็นโมฆะ พร้อมเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพื่อแก้ไขปัญหา ก่อนถูกอภิปราย  


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ  ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด ผ่านนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา  49  ในประเด็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบ   รวมถึง การไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ  มาตรา 3 วรรคสอง  ประกอบมาตรา 68 วรรคหนึ่งหรือไม่   

 นายเรืองไกร  กล่าวว่า การกล่าวถ้อยคำถวายสัตย์ฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ คือกล่าวคำปฏิญาณตกไปในท่อนสุดท้าย  แถมยังกล่าวคำว่า ”ตลอดไป” เติมเข้ามาอีก   จากที่ได้ดูข้อกฎหมายและจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา  เห็นว่าเรื่องนี้จะต้องมาร้องที่อัยการสูงสุด เนื่องจากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดมาตรา 5  และไม่เป็นไปตามมาตรา 3 วรรคสอง ก็เท่ากับว่าการกระทำดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้  อย่างที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเป็นโมฆะ 


นายเรืองไกร กล่าวว่า  ประเด็นที่ 2  คือ เมื่อขณะเข้ารับหน้าที่แล้วจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162  พร้อมต้องแสดงที่มาที่จะนำใช้จ่ายตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา  แต่ก็เกิดปัญหาว่าคำแถลงนโยบาย 37 หน้า   ไม่มีตัวเลขงบฯ  ก็เท่ากับว่าการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภามา น่าจะเป็นโมฆะเช่นเดียวกัน 

นายเรืองไกร กล่าวว่า การไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อาจจะโดนดำเนินคดีอาญาได้ด้วย  ซึ่งได้ไปยื่นคำร้องที่ ป.ป.ช.มาแล้ว   จึงมายื่นคำร้องขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้  ตามมาตรา 89  ที่บัญญัติไว้ว่าผู้ใดทราบการกระทำที่จะเป็นการล้มล้างการปกครอง  และต้องนำเอาประเพณีตามมาตรา 68  ของรัฐธรรมนูญฉบับ 2550  มาใช้ด้วย จากเหตุที่ได้มาโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย  ในเรื่องมาตราดังกล่าว จะเห็นได้จากที่พรรคของตนได้ถูกยุบตามมาตรา 92  เพราะจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเป็นปฏิปักษ์ การได้อำนาจตรงนี้ เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงยังต้องไปยึดโยงรัฐธรรมนูญ  2550 

“ในวันนี้ผมได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีสนธิสัญญาไทยกัมพูชาที่ศาลแล้วธรรมนูญเคยวินิจฉัยการกระทำของ   นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบ เพราะไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภา และเท่าที่ทราบ การปฏิบัติหน้าที่ของพลเอกประยุทธ์ในครั้งนี้  ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเกิดจากข้อผิดพลาดจริงๆ  เราจึงต้องมาหาทางออกร่วมกัน ว่าถ้าหากมีการบริหารราชการแผ่นดินในการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายแล้ว  ถัดจากนี้การประชุมของ ครม. หรือการใช้จ่ายงบประมาณและพันธกรณีกับต่างประเทศมันจะสมบูรณ์หรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว 


นายเรืองไกร ยังกล่าวว่า เมื่อเกิดการกระทำที่ไม่ชอบแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก จากการเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเริ่มกระบวนการขึ้นใหม่  ด้วยการให้รัฐสภาเลือกผู้ที่ควรเป็นนายกรัฐมนตรี  และถ้าพล.อ.ประยุทธ์ยังได้มติจากที่ประชุมรัฐสภาเข้ามารับตำแหน่งและนำคณะรัฐมนตรีขอเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณให้ครบถ้วน และทำคำแถลงนโยบายใหม่ อันนี้ถือว่าเหมาะสมที่สุด ประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ก็จะยุติ  แต่ในส่วนกรณีที่ตนได้ยื่นร้องอัยการสูงสุดวันนี้ก็จะยังทำคู่ขนานกันต่อไป

 “ในเรื่องความเสียหาย เหตุการณ์มันชัดเจนแล้ว เหมือนที่นายกรัฐมนตรีไปพูดที่โรงเรียนนายร้อย แล้วก็มาพูดที่ ครม.มันชัดเจนมาก ว่าปัญหานี้นายกฯ ขอแก้ไขเอง  นี่คือเหตุผลที่ผมขอเสนอให้ท่านลาออก เพราะถ้าหากรอให้เปิดอภิปรายมันก็จะยิ่งไปใหญ่” นายเรืองไกรกล่าว    

 ขณะที่ นายธรัมพ์  ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด    กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา  49  วรรค 2    ซึ่งเป็นช่องทางที่อัยการสูงสุดจะพิจารณาว่า จะสามารถยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่   โดยหากภายใน 15  วัน อัยการสูงสุดยังไม่ได้ให้คำตอบ หรือดำเนินการใดๆ แก่ผู้ร้อง  ผู้ร้องสามารถไปยื่นตรงได้ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้  

“ผมจะรับเรื่องนำเรียนอัยการสูงสุดต่อไป ซึ่งในประเด็นนี้ อัยการมีคณะทำงานเฉพาะ เนื่องจากมีผู้ร้องหลายคนที่ร้อง  มีหลายคำร้องลักษณะคล้ายกัน  รวมถึง ที่พรรคอนาคตใหม่ได้มายื่นก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ก็ให้คณะทำงานไปดำเนินการ ก่อนเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาต่อไป  เมื่ออัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว  ก็จะแจ้งผลให้ผู้ร้องทราบ  เพราะผู้ร้องอาจใช้สิทธิร้องเอง  ซึ่งยืนยันว่าจะเร่งพิจารณาโดยเร็ว  เนื่องจากมีเรื่องพิจารณาหลายเรื่อง” นายธรัมพ์ กล่าว    . – สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย