กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – กฟผ.มั่นใจนำเข้าแอลเอ็นจีได้ในปีนี้ ด้าน รมว.พลังงานเล็งใช้เงินกองทุนที่มีอยู่สนับสนุนสตาร์ทอัพ รับ DISRUTIVE TECHNOLOGY
ในวันนี้ (7 ส.ค.) ที่กระทรวงพลังงาน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2562 ณ บริเวณ LOBBY อาคารบี ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน
หลังจากนั้นนายสนธิรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพทางด้านพลังงาน เพื่อให้มีวงเงินพัฒนาเทคโนโลยีรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากกลุ่มนี้เข้มแข็งก็จะร่วมกันพัฒนาประเทศรับยุคการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่เกิดจากเทคโนโลยี หรือ DISRUPTIVE TECHNOLOGY โดยวงเงินที่นำมาสนับสนุนจะมาจากกองทุนของภาครัฐที่มีอยู่แล้ว เบื้องต้นจะพิจารณาจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน แต่หากหลักเกณฑ์ของกองทุนฯ ไม่สามารถร่วมทุนหรือส่งเสริมได้ ก็อาจจะใช้เงินกองทุนของภาครัฐกองทุนอื่นฯ ที่มีการส่งเสริมได้ เช่น กองทุนสตาร์ทอัพ โดยจะให้กำหนดวงเงินแยกเป็นกองทุนด้านสนับสนุนสตาร์ทอัพพลังงานที่ชัดเจน
“เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านพลังงานทั้งโซลาร์รูฟท็อป การซื้อขายไฟฟ้าแต่ละชุมชนด้วยบล็อกเชน ในประเทศไทยก็ควรพัฒนาสิ่งเหล่านี้เพื่อพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด โดยแผงโซลาร์ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นโซลาร์ฟาร์ม หรือโซลาร์บนหลังคาบ้านหลังคาอาคารแล้ว สามารถพัฒนาเป็นแผงบนรถยนต์ แผงที่ฝังไปในตัวอาคารต่าง ๆ ได้ ดังนั้น เราก็ควรใช้กองทุนที่มีอยู่มาพัฒนาสตาร์ทอัพด้านพลังงานโดยเฉพาะ” รมว.พลังงาน กล่าว
รมว.พลังงาน ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี ) ไม่เกิน 1.5 ล้านตัน/ปี โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะนี้จะรอข้อมูลของทุกฝ่าย เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งจะพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าของภาคประชาชน ไม่เกิดปัญหาต่อสัญญาไม่ใช้ก็ต้องจ่าย (เทคออร์เพย์ ) ของสัญญาซื้อขายก๊าซของ บมจ.ปตท. กับแหล่งก๊าซฯ ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม จะสามารถนำเข้าได้ภายในปีนี้หรือไม่ ยังตอบไม่ได้
ด้านนายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการนโยบายและแผน กฟผ. กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าจะนำเข้าแอลเอ็นจีล็อตแรกได้ในปี 2562 หลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ศึกษารายละเอียดและหารือกับ ปตท. โดยดูสัญญาต่าง ๆ ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กระทบต่อค่าไฟฟ้า หรือไม่ให้เกิดเทคออร์เพย์เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการนำเข้าแอลเอ็นจีของ กฟผ.เป็นไปตามแผนการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันการนำเข้าแอลเอ็นจี โดยให้ กฟผ.นำเข้าไม่เกิน 1.5 ล้านตัน โดยใช้คลังแอลเอ็นจีมาบตาพุดของ ปตท. โดย กฟผ.เปิดการแข่งขัน และปิโตรนาส แอลเอ็นจี เป็นผู้ชนะประมูล ในปริมาณไม่เกิน 1.2 ล้านตัน/ปี สัญญา 8 ปี แต่ทุกฝ่ายห่วงปัญหาเทคออร์เพย์ ในปี 2562และปี 2563 เนื่องจากการใช้ไฟฟ้าและอัตราการเติบโตของความต้องการใช้ก๊าซฯ ไม่สมดุลกัน จึงมีการหารือและกำหนดแนวทางบริหารร่วมกันระหว่าง กกพ. ปตท. และ กฟผ. โดยหลักเกณฑ์ที่ไม่กระทบเทคออร์เพย์ คือ กฟผ.สามารถนำเข้าได้ปริมาณที่ไม่เกินสัญญารับซื้อตามปริมาณที่ ปตท.ผูกพันกับผู้ผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียม และในกรณีที่หากเกิดปัญหา ก็ให้ ปตท. กฟผ.บริหารร่วมกัน เช่น อาจนำก๊าซแอลเอ็นจีของ กฟผ.ไปจำหน่ายให้รายอื่นใช้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากกฎหมายของ กฟผ.และข้อกำหนดของการให้นำเข้าแอลเอ็นจีของ กฟผ.ระบุไว้ว่าจะต้องใช้กับโรงไฟฟ้าของ กฟผ.เอง ในเรื่องนี้ทาง กฟผ. ปตท.ก็ต้องมาบริหารร่วมกัน.-สำนักข่าวไทย