สตม. แถลงจับ 3 คดี ทั้งแก๊งโรแมนซ์สแกม – เกาหลีใต้ฉ้อโกง

กรุงเทพฯ 25 ก.ค.- สตม. แถลงจับ 3 คดี ทั้งแก๊งโรแมนซ์สแกม – เกาหลีใต้ฉ้อโกงชาติเดียวกันหอบเงินกว่า20ล้านกบดานในไทย


พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง รักษาราชการผู้บัญชาการสำนักงานตรงจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุม นายซามูเอล อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรีย พร้อม ของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ และเอกสารการโอนเงิน รวม 14 รายการ ซึ่งผู้ต้องหาเป็นหนึ่งในแก๊งโรแมนซ์สแกม หรือ ลวงรัก ออนไลน์ ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นผู้อื่น ซึ่งไปสวมรอยเป็นชาวต่างชาติคนอื่น แล้วไปสานสัมพันธ์พูดคุยกับหญิงไทยในโลกโซเชี่ยล โดยใช้เฟสบุ๊กเป็นเครื่องมือ อ้างตัวเป็นนักธุกิจและนายหน้าค้าที่ดิน หน้าตาดี โปรไฟล์เยี่ยม เข้าไปทักทายสนทนากับเหยื่อหญิงชาวไทย หลอกลวงว่ามีเพื่อนเป็นนักธุรกิจต้องการซื้อบ้านจัดสรรและที่ดินราคา 160 ล้านบาท แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมดำเนินการเป็นเงิน 897,400 บาท จึงลวงให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินจ่ายค่าธรรมเนียมให้ก่อน ภายหลังเมื่อทราบว่าถูกหลอก ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.วิชิต จังหวัดภูเก็ต จนศาลจังหวัดภูเก็ตอนุมัติหมายตับในเวลาต่อมา

สำหรับนายซามูเอลถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม ได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยลาซาล เขตบางนา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนนำส่งดำเนินคดีที่ สภ.วิชิต นอกจากนี้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันส่งกลับประเทศต่อไป


อีกคดี เป็นการจับกุมนายซอย (Mr.Choi) อายุ 51 ปี  สัญชาติเกาหลีใต้ เป็นบุคคลตามหมายจับตำรวจสากลเลขที่ A-5439/6-2019 หลังก่อคดีฉ้อโกงในประเทศเกาหลีใต้ มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่ปากซอยสุขุมวิท 46 เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2562 คดนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบสวนของสตม. ได้รับการประสานงานจากสถานฑูตเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทยว่านายซอย (Mr. Choi) บุคคลสัญชาติเกาหลีใต้ เป็นบุคคลที่มีหมายจับตำรวจสากลและทางการเกาหลีใต้ต้องการตัว โดยนายซอยมีพฤติการณ์เป็นผู้บริหารของบริษัท Fasskey Technology Co., Ltd. ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงินได้หลอกขายหุ้นให้กับผู้เสียหาย 2 รายคือ นายลี (Mr. Lee) และนายวอน (Mr. Won) โดยอ้างว่ากิจการดังกล่าวจะสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้เสียหายจำนวนมาก ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และได้ลงทุนซื้อหุ้นกิจการดังกล่าวเป็นมูลค่าความเสียหาย 692, 762,000 วอนคิดเป็นเงินดอลล่าร์ 585,845 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 20 ล้านบาท และได้หลบหนีออกนอกประเทศ โดยมีข้อมูลจากทางการเกาหลีใต้ว่านายซอยได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทยเหตุเกิดระหว่าง 21 ก.พ.2560- 12 ก.พ.2561 ต่อเนื่องกันที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้

จากการสืบสวนของชุดไล่ล่าทราบว่าเป้าหมายได้หลบหนีเข้ามาพักอาศัยอยู่กับครอบครัวในประเทศไทยหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2561 และแต่ละครั้งที่เข้ามาได้ทำการเปลี่ยนที่พักทุกครั้ง เพื่อหลบซ่อนตัว โดยนายซอยได้หลบหนีมาไทยเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2562 เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านพระโขนง จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจับกุมตัวได้ในที่สุด ทางสตม. จะดำเนินการเพิกถอนวีซ่าและประสานกับทางสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อส่งตัวกลับไปยังประเทศเกาหลีใต้ต่อไป

คดีสุดท้าย เป็นการบุกช่วยเหลือเด็กหญิงชาวเมียนมาร์เข้าข่ายค้ามนุษย์ จ.สุพรรณบุรี หลังจากเมื่อวันที่ 20 ก.ค.62 เจ้าหน้าที่ บก.ตม.3 ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีเด็กหญิงชาวเมียนมาร์เข้ามาทำงานที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรีโดยผิดกฎหมาย และมีลักษณะเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์ เจ้าหน้าที่จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบสวนหาข่าวและวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กหญิง ชาวเมียนมาร์รายดังกล่าว 


ต่อมาในวันที่ 21 ก.ค. 62 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเลขที่ 146 ม.12 ต.ดอนมะเกลือ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นร้านของชำ พบเด็กหญิงเดือน (นามสมมุติ)อายุประมาณ 15 ปี สัญชาติเมียนมาร์ ไม่มีเอกสารประจำตัวใด ๆ กำลังทำงานอยู่หน้าร้านจริงและพักอาศัยอยู่ในห้องพักในบริเวณใกล้เคียง

จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่ามีนายสมภาคย์ เกิดเรือง เป็นเจ้าของร้านขายของชำ และมีนายณัฐพงศ์ เกิดเรือง ซึ่งเป็นน้องชายนายสมภาคย์ เป็นเจ้าของที่พัก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับนำตัวนายสมภาคย์และนายณัฐพงศ์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สระยายโสม ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ส่วนเด็กหญิงเดือน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปเข้าสู่กระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยทีมสหวิชาชีพและฟื้นฟูสภาพจิตใจ รวมถึงตรวจมวลกระดูกเพื่อยืนยันอายุที่ชัดเจนต่อไป

ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม และสืบสวนขยายผลถึงขบวนการที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อนำพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพยานเอกสาร พยานบุคคล หรือพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มารวบรวมประกอบสำนวน มีความเห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์หรือไม่ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ร่วมวงถก สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เลื่อนวาระงาน เพื่อร่วมประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเลื่อนการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็น 11.00 น. เพื่อมาร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มารอต้อนรับ ซึ่งการร่วมประชุม กับ สมช. ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและเป็นการมาร่วมประชุมกับ สมช. เป็นครั้งแรก .-316 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-11 มิ.ย. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยมีคลื่นสูง […]