กทม.22 ก.ค. – ตรวจสอบปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งประเทศ ยังมีแนวโน้มลดลงจากเมื่อวานอยู่ในเกณฑ์ “น้ำน้อย” ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การทั่วประเทศ ณ วันนี้มี 10,793.72 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 15% รายงานมีน้ำไหลเข้าเขื่อนทั้งประเทศ 40.84 ล้าน ลบ.ม. ส่วนปริมาณระบายออกมากกว่าไหลเข้า 2 เท่า ที่ 109.26 ล้าน ลบ.ม.
ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ๆ ลุ่มเจ้าพระยา อย่างเขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำที่มีอยู่ตอนนี้ 4,607 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 34% ของความจุ ส่วนน้ำใช้การอยู่ที่ 6% ซึ่งเทียบกับปีที่แล้วมีน้ำใช้การอยู่ 26%
เขื่อนสิริกิติ์ น้ำที่มีอยู่ตอนนี้ 3,323 ล้าน ลบ.ม. หรือ 35% ของความจุ ส่วนน้ำใช้การอยู่ที่ 5% แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ปีก่อนมีน้ำใช้การที่ 26%
เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีน้ำ 136 ล้าน ลบ.ม. หรือ 15% น้ำใช้การมีเพียง 10% ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีใช้การ 14%
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำทั้งหมดตอนนี้ 44 ล้าน ลบ.ม. หรือเพียง 5% ขณะที่น้ำใช้การมีแค่ 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ยังมีน้ำใช้การถึง 27%
ขณะที่เขื่อนวชิราลงกรณ น้ำในอ่างทั้งหมด 4,508 ล้าน ลบ.ม. หรือ 51% มีน้ำใช้การได้ 1,495.67 ล้าน ลบ.ม. หรือ 17% แม้ยังมีน้ำเกินครึ่งอ่าง แต่เทียบกับปีก่อนถือว่าน้อยลงมาก โดยน้ำใช้การวันนี้เมื่อปีก่อนมี 35% หรือ 3,122 ล้าน ลบ.ม.
ที่น่าเป็นห่วงยังเป็นที่เขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณ 567 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 23% ของความจุอ่าง ปัจจุบันน้ำใช้การเป็นน้ำก้นอ่าง ซึ่งนำไปใช้แล้ว 15.13 ล้าน ลบ.ม. หรือ -0.82% ถือว่าเป็นช่วงวิกฤติน้ำน้อยของเขื่อนอุบลรัตน์ และชาวขอนแก่น มีการระบายน้ำวันละ 500,000 ลบ.ม. ก็จริง แต่เป็นการนำไปใช้เพื่อใช้การอุปโภคบริโภค ผลิตน้ำประปา และรักษาระบบนิเวศในลำน้ำพอง แต่ยังไม่เพียงพอต่อพื้นที่เกษตรกรรม เช่นเดียวกับเขื่อนสิรินธร เขื่อนน้ำพุง และอีกหลายเขื่อนในภาคอีสาน. – สำนักข่าวไทย