ศาลอุทธรณ์สั่งประหารชีวิตจำเลยเพิ่มอีก 1 คดี “บังฟัต” ฆ่ายกครัว 8 ศพ

กระบี่ 9 ก.ค.- ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชี้ชะตาคดีฆ่ายกครัว “ผู้ใหญ่บัติ-วรยุทธ สังหลัง” รวม 8 ศพ คดีนี้มีผู้ต้องหา 8 คน โดยจำเลยที่ 7 ศาลแก้พิพากษาเพิ่มโทษเป็นประหารชีวิต แม้จะพ้นโทษไปแล้ว


อัญชลี บุตรเติบ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อที่รอดชีวิตจากจากการบุกเข้าสังหารของบังฟัต หรือนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล และพวก สีหน้าคลายความวิตกกังวลลงเมื่อทราบผลคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่ตัดสินกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เพิ่มโทษจำเลยที่ 7 จากเดิมจำคุก เป็นโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 8 ศาลอุทธรณ์ยังคงตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 12 เดือน โดยนางอัญชลี และครอบครัว ระบุว่ารู้สึกพอใจกับคำพิพากษา แต่จะใช้สิทธิยื่นต่อศาลฎีกาในส่วนโทษของจำเลยที่ 8 ต่อไป


นอกจากนี้ ยังต้องลุ้นต่อกับคำพิพากษาของศาลอุทธณ์ภาค 8 ต่อจำเลยที่ 1-6 ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ได้อ่านคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยทั้ง 6 คน ไม่ได้ถูกนำตัวมาที่ศาลจังหวัดกระบี่ แต่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยทั้งหมดยังเชื่อมั่นว่าบังฟัต และพวกทั้ง 6 คน จะยังคงได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย คือ การประหารชีวิต

คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่แก้ไขกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ทำให้นายธวัฒชัย บุญคง จำเลยที่ 7 ซึ่งปัจจุบันพ้นโทษออกมาแล้ว หลังรับโทษตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นครบ 1 ปี 9 เดือน ต้องสิ้นสุดอิสรภาพลงอีกครั้ง


หลังศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายธวัชชัย จำเลยที่ 7 มีเจตนาในการร่วมกันกระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1-6 โดยการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีหลักฐานเป็นผลการตรวจสอบ DNA บนก้นบุหรี่-ในบ้านที่เกิดเหตุ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษากลับเพิ่มโทษสูงสุดเป็นประหารชีวิต และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องที่ 1-8 เป็นเงินรวมกันกว่า 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2560

คดีสะเทือนขวัญสังคม เหตุการณ์บังฟัต และพวก บุกเข้าสังหารผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง และครอบครัว เสียชีวิตภายในบ้านพักที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เกิดขึ้นเมื่อกลางวันต่อเนื่องถึงช่วงดึกของวันที่ 10 ก.ค.60 ต่อมาตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การไขปมสังหาร เกิดจากความขัดแย้งเรื่องหนี้สินและการกู้ยืมเงินระหว่างบังฟัต และผู้ใหญ่วรยุทธ หลังก่อเหตุบังฟัตและพวกทั้ง 8 คน หลบหนีไปกบดานใน จ.พังงา ก่อนจะถูกตำรวจรวบตัวได้ใน 5 วันถัดมา

 

ต่อจากนั้น ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1-6 และจำคุกจำเลยที่ 7-8 ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล นายคมสรรค์ เวียงนนท์ นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ นายอรุณ ทองคำ นายประจักษ์ บุญทอย นายธนชัย จำนอง นายธวัฒชัย บุญคง และนางชลิดา สังข์โชติ ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่า หลังจากนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 จะนัดชี้ชะตาบังฟัต และพวกรวม 6 คน เมื่อใด รวมถึงการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งระบุว่าปัจจุบันแม้เวลาจะล่วงเลยมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ครอบครัวผู้สูญเสียยังไม่เคยได้รับการเยียวยาค่าเสียหายใดๆ เลย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว