กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – กระทรวงพลังงานเตรียมความพร้อมรับมือการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซเจดีเอ 20 – 31 ส.ค.นี้ แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ พลังงานไฟฟ้า ก๊าซเอ็นจีวี และการประชาสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของคนในภาคใต้
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ 18) จะปิดซ่อมบำรุงประจำปีวันที่ 20 – 31 สิงหาคม 2559 รวมระยะเวลา 12 วัน ส่งผลให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติหายไปจากระบบประมาณ 421 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน กระทรวงพลังงานขอยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้ แม้ว่าโรงไฟฟ้าจะนะจะต้องปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้เชื้อเพลิงดีเซล
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เตรียมวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มกำลัง โดยเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เรื่องเตรียมการรับมือครั้งนี้ โดยออกเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งระบบผลิตไฟฟ้า ดำเนินการโดยให้โรงไฟฟ้าจะนะพร้อมเดินเครื่องด้วยดีเซล ตรวจสอบโรงไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมดให้พร้อมใช้งาน งดการหยุดเครื่องบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า และประสานการไฟฟ้ามาเลเซียขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน ส่วนเชื้อเพลิงสำรองนั้น ได้เตรียมการโดยให้มีการสำรองน้ำมัน (น้ำมันเตา/ดีเซล) ให้เพียงพอและเต็มความสามารถในการจัดเก็บ พร้อมทั้งประสานงานให้ บมจ.ปตท. จัดส่งน้ำมันในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนระบบส่ง ได้เตรียมความพร้อมโดยให้มีการตรวจสอบสายส่งและอุปกรณ์สำคัญในภาคใต้ให้พร้อมใช้งาน และงดการบำรุงรักษาระบบส่งในช่วงเวลาหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ และด้านก๊าซเอ็นจีวีนั้น ทางกระทรวงได้มีการสำรองก๊าซเอ็นจีวี โดยให้มีการจัดส่งก๊าซเอ็นจีวีจากนอกพื้นที่ พร้อมสำรองก๊าซฯ ไว้ล่วงหน้าที่สถานีก๊าซฯ หลักโรงไฟฟ้าจะนะ
นอกจากนี้ ด้านการประชาสัมพันธ์ กระทรวงพลังงานได้มีการรณรงค์ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจการท่องเที่ยว และภาคประชาชน ร่วมกันประหยัดพลังงานในช่วงที่มีการหยุดจ่ายก๊าซฯ โดยเฉพาะการขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลา 18.00 – 21.30 น. ซึ่งเป็นชั่วโมงที่ในพื้นที่ภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของวันผ่านช่องทางการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การติดป้ายแบนเนอร์ โปสเตอร์ การแจกใบปลิว การเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุและโทรทัศน์ การจัดประชุมสัมมนา การพบปะสื่อมวลชนท้องถิ่น และการส่งจดหมายแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น โดยเชื่อว่าทุกภาคส่วนจะเข้าใจและสามารถให้ความร่วมมือได้ดีเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยกันบรรเทาผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในการดำรงชีวิตประจำวัน และเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ด้วย ทั้งนี้ ช่วงปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ กระทรวงพลังงานได้มีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งรายงานข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามรายงานการใช้ไฟฟ้ารายวันในช่วงของการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ ได้ด้วยตนเอง ที่ www.sothailand.com หรือ www.facebook.com/EPPOThailand.-สำนักข่าวไทย