กทม. 25 มิ.ย. – วันพรุ่งนี้ (26 มิ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับพิจารณา กรณี 41 ส.ส.ถือครองหุ้นสื่อ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติหรือไม่ ประเด็นนี้จะส่งผลต่อกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่
ปมร้อนที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เข้าชื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 41 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ถือครองหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชนใดๆ กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และด้วยเสียงของรัฐบาลที่ปริ่มน้ำ ทำให้ต้องจับตาว่าศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับไว้พิจารณาสิ่งที่ต้องดูต่อ คือ ส.ส. 41 คนฝ่ายรัฐบาลต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือไม่
ขณะที่นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า มองว่ากรณี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ยื่นเรื่องผ่านประธานสภา ต้องดูว่าศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เพราะหากเทียบกับกรณีของนายธนาธร ผู้ยื่นคำร้องเป็น กกต. มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนแล้ว แต่กรณีนี้เป็นการยื่นกันเองระหว่าง ส.ส.
ส่วนการยื่นสอบคุณสมบัติ ส.ว.ถือหุ้นสื่อ นักวิชาการมองว่าอาจไม่ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล เพราะหากรวบเสียงจะเห็นว่าฝั่งรัฐบาลรวมกับ ส.ว.ยังเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา
สำหรับ 41 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ถูกยื่นให้ตรวจสอบกรณีถือครองหุ้นสื่อ จาก 5 พรรคการเมือง เป็นพรรคพลังประชารัฐ 26 คน พรรคประชาธิปัตย์ 12 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน และพรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน มีรายชื่อที่น่าสนใจ เช่น นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล พรรครวมพลังประชาชาติไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ พรรคประชาธิปัตย์
คงต้องติดตามศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยปมร้อนนี้อย่างไร หากรับเรื่องไว้พิจารณาและสั่งให้ 41 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ อาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาล ขณะที่ 55 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน รวมถึง ส.ว.ที่ถูกร้องกรณีถือหุ้นสื่อ ก็อาจมีชะตากรรมเดียวกัน หรือการพิจารณาต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์. – สำนักข่าวไทย