“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ 21 ส.ว. ถือหุ้นสื่อ

กกต. 24 มิ.ย.-“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ 21 ส.ว. ถือหุ้นสื่อ เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ต้องโอนหุ้นเมื่อได้รับการทาบทาม ไม่ใช่หลังได้รับการประกาศรายชื่อ สั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ เชื่อขั้นตอน-วิธีการสรรหา ส.ว.ไม่ถูกต้อง เดินหน้าตรวจสอบให้ครบทั้ง 400 รายชื่อ


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วย นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สิ้นสุดลง เนื่องจากเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้รีบส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยและสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ส.ว.หลายคนอาจจะสงสัยว่าโอนหุ้นไปแล้ว เหตุใดยังถูกยื่นคำร้องให้ตรวจสอบ จึงอยากชี้แจงว่ามีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องให้ กกต.เรียกเข้าให้ข้อมูล เพื่อให้เปิดเผยขั้นตอนการสรรหา ส.ว.ของคณะกรรมการสรรหาที่ตั้งขึ้นมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะผิดถูกอย่างไรหรือต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของ กกต. 


“สำหรับ ส.ว.อีก 200 คน ไม่ต้องน้อยใจ ทุกคนจะถูกตรวจสอบทั้งหมด โดยขณะนี้ กำลังร่วมกับ 7 พรรคการเมืองตรวจสอบข้อมูล รวมถึง ส.ส. 55 รายชื่อ ที่พรรคพลังประชารัฐ กำลังจะยื่นตรวจสอบ” นายเรืองไกร กล่าว

เมื่อถามว่า ส.ว.ที่มาจากการสรรหา โดยคณะกรรมการสรรหาของ คสช.ไม่ได้ยื่นสมัคร ต้องโอนหุ้นในช่วงใดจึงจะไม่ขาดคุณสมบัติ นายเรืองไกร กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ต้องโอนหุ้นเมื่อได้รับการทาบทามจากคณะกรรมการสรรหา เนื่องจากทุกคนจะต้องกรอกข้อความในหนังสือรับรองตนเองว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ส่วน ส.ว.ที่มาจากการสมัครและผ่านการคัดเลือกกันเอง จะต้องโอนหุ้นให้แล้วเสร็จก่อนวันสมัคร เทียบเคียงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องกรอกหนังสือรับรองว่าไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่าคณะกรรมการสรรหา ส.ว.วางระเบียบและวิธีการในการสรรหาอย่างไร การประชุมในแต่ละครั้งองค์ประชุมครบหรือไม่ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะต้องถูกเปิดเผยโดย กกต. จะต้องเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด และเมื่อเห็นรายละเอียดในวิธีการและขั้นตอน ส่วนตัวเชื่อว่าขั้นตอนไม่ถูกต้องโดยคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่ได้กำหนดขั้นตอนและไม่มีวิธีการอะไรเลย โดยก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ


“ที่นายวิษณุ บอกว่าคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อกรรมการได้นั้น ไม่เป็นความจริง อย่าใช้รัฐธรรมนูญลักลั่น ผมไม่อยากใช้คำว่าอย่าแถกันไปมา แต่เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามกำหนดไว้ชัดในรัฐธรรมนูญ ส.ว.จึงต้องโอนหุ้นให้แล้วเสร็จเมื่อได้รับการทาบทาม  หรือในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ส่วนที่นายวันชัย สอนศิริ ขู่จะฟ้องกลับนั้น ผมยินดี เพราะตามข้อเท็จจริงคุณวันชัย โอนหุ้นให้ลูกเขยในเดือนเมษายน ไม่ใช่เดือนกุมภาพันธ์” นายเรืองไกร กล่าว

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ว.อีกกว่า 400 คน ทั้งที่อยู่ในบัญชีสำรอง และผู้ได้รับการคัดเลือกในรอบแรก  โดยเฉพาะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน ส.ว.ที่ตรวจสอบได้เบื้องต้นพบว่าถือหุ้นในบริษัทใหญ่ แต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เรื่องการดำเนินธุรกิจสื่อ หรือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ถือหุ้นด้วยตัวเองและภรรยาจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นของมหาวิทยาลัยเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ 21 ส.ว.ที่นายเรืองไกร ได้ร้องและระบุในหนังสือร้องเรียน ทั้งหมดมีการโอนหุ้นหลังรับตำแหน่ง ส.ว.แล้ว แต่ต้องการให้ กกต.ตรวจสอบว่ามีการโอนจริงหรือไม่  โดย 21 คน ประกอบด้วย 1.นายวันชัย สอนศิริ บริษัท แคล นู ไฮเรอร์ จำกัด  2.ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี บริษัท สมศรีพานิช จำกัด  3.นายระวี รุ่งเรือง บริษัท ฟาร์มเมอร์ รีสอร์ท จำกัด  4.นายยุทธนา ทัพเจริญ บริษัท วิคเตอร์ โปรเฟสชั่นแนล จำกัด  5.พล.อ.อ.มนัส รูปขจร บริษัท พลังร่วม 18 จำกัด 6.น.ส.ภัทรา วราวิตร บริษัท กาฬสินธุ์ โอทอป อินเตอร์เทรดเดอร์ จำกัด 7.พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย บริษัท ทุ่งท่าลาด จำกัด 8.พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก บริษัท กีฬา สุราษฎร์ธานี จำกัด  9.นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์  บริษัท พี แอนด์ อาร์ อิงค์ จำกัด 10.นางประยูร เหล่าสายเชื้อ บริษัท ดีจริงมอเตอร์ จำกัด

11.นางเบญจรัตน์ จริยธาราสิทธิ์ บริษัท ศรีสุพรรณการแร่ จำกัด 12.นายบรรชา พงศ์อายุกูล บริษัท พงศ์อายุกูลและบุตร จำกัด 13.นายนิอาแซ ซีอุเซ็ง  บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด 14.น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด 15.พล.ร.อ.ฐนิธ กิตติอำพน บริษัท นลวิตา จำกัด 16.นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีเคพี โลจิสติกส์ 17.ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ณัฏฐ์ แอนด์ พิรพัฒน์ 18.นายเฉลียว เกาะแก้ว บริษัท ไตรหิรัญ 2555 จำกัด 19.นายกูรดิสถ์ จันทร์ศรีชวาลา บริษัท แอล.ดี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 20.นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ บริษัท ไฮเทค เกลซเซอร์ จำกัด  21.นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา บริษัท ภูตะวัน จำกัด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย