“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ 21 ส.ว. ถือหุ้นสื่อ

กกต. 24 มิ.ย.-“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ 21 ส.ว. ถือหุ้นสื่อ เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ต้องโอนหุ้นเมื่อได้รับการทาบทาม ไม่ใช่หลังได้รับการประกาศรายชื่อ สั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ เชื่อขั้นตอน-วิธีการสรรหา ส.ว.ไม่ถูกต้อง เดินหน้าตรวจสอบให้ครบทั้ง 400 รายชื่อ


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วย นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สิ้นสุดลง เนื่องจากเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้รีบส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยและสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ส.ว.หลายคนอาจจะสงสัยว่าโอนหุ้นไปแล้ว เหตุใดยังถูกยื่นคำร้องให้ตรวจสอบ จึงอยากชี้แจงว่ามีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องให้ กกต.เรียกเข้าให้ข้อมูล เพื่อให้เปิดเผยขั้นตอนการสรรหา ส.ว.ของคณะกรรมการสรรหาที่ตั้งขึ้นมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะผิดถูกอย่างไรหรือต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของ กกต. 


“สำหรับ ส.ว.อีก 200 คน ไม่ต้องน้อยใจ ทุกคนจะถูกตรวจสอบทั้งหมด โดยขณะนี้ กำลังร่วมกับ 7 พรรคการเมืองตรวจสอบข้อมูล รวมถึง ส.ส. 55 รายชื่อ ที่พรรคพลังประชารัฐ กำลังจะยื่นตรวจสอบ” นายเรืองไกร กล่าว

เมื่อถามว่า ส.ว.ที่มาจากการสรรหา โดยคณะกรรมการสรรหาของ คสช.ไม่ได้ยื่นสมัคร ต้องโอนหุ้นในช่วงใดจึงจะไม่ขาดคุณสมบัติ นายเรืองไกร กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ต้องโอนหุ้นเมื่อได้รับการทาบทามจากคณะกรรมการสรรหา เนื่องจากทุกคนจะต้องกรอกข้อความในหนังสือรับรองตนเองว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ส่วน ส.ว.ที่มาจากการสมัครและผ่านการคัดเลือกกันเอง จะต้องโอนหุ้นให้แล้วเสร็จก่อนวันสมัคร เทียบเคียงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องกรอกหนังสือรับรองว่าไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่าคณะกรรมการสรรหา ส.ว.วางระเบียบและวิธีการในการสรรหาอย่างไร การประชุมในแต่ละครั้งองค์ประชุมครบหรือไม่ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะต้องถูกเปิดเผยโดย กกต. จะต้องเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด และเมื่อเห็นรายละเอียดในวิธีการและขั้นตอน ส่วนตัวเชื่อว่าขั้นตอนไม่ถูกต้องโดยคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่ได้กำหนดขั้นตอนและไม่มีวิธีการอะไรเลย โดยก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ


“ที่นายวิษณุ บอกว่าคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อกรรมการได้นั้น ไม่เป็นความจริง อย่าใช้รัฐธรรมนูญลักลั่น ผมไม่อยากใช้คำว่าอย่าแถกันไปมา แต่เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามกำหนดไว้ชัดในรัฐธรรมนูญ ส.ว.จึงต้องโอนหุ้นให้แล้วเสร็จเมื่อได้รับการทาบทาม  หรือในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ส่วนที่นายวันชัย สอนศิริ ขู่จะฟ้องกลับนั้น ผมยินดี เพราะตามข้อเท็จจริงคุณวันชัย โอนหุ้นให้ลูกเขยในเดือนเมษายน ไม่ใช่เดือนกุมภาพันธ์” นายเรืองไกร กล่าว

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ว.อีกกว่า 400 คน ทั้งที่อยู่ในบัญชีสำรอง และผู้ได้รับการคัดเลือกในรอบแรก  โดยเฉพาะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน ส.ว.ที่ตรวจสอบได้เบื้องต้นพบว่าถือหุ้นในบริษัทใหญ่ แต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เรื่องการดำเนินธุรกิจสื่อ หรือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ถือหุ้นด้วยตัวเองและภรรยาจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นของมหาวิทยาลัยเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ 21 ส.ว.ที่นายเรืองไกร ได้ร้องและระบุในหนังสือร้องเรียน ทั้งหมดมีการโอนหุ้นหลังรับตำแหน่ง ส.ว.แล้ว แต่ต้องการให้ กกต.ตรวจสอบว่ามีการโอนจริงหรือไม่  โดย 21 คน ประกอบด้วย 1.นายวันชัย สอนศิริ บริษัท แคล นู ไฮเรอร์ จำกัด  2.ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี บริษัท สมศรีพานิช จำกัด  3.นายระวี รุ่งเรือง บริษัท ฟาร์มเมอร์ รีสอร์ท จำกัด  4.นายยุทธนา ทัพเจริญ บริษัท วิคเตอร์ โปรเฟสชั่นแนล จำกัด  5.พล.อ.อ.มนัส รูปขจร บริษัท พลังร่วม 18 จำกัด 6.น.ส.ภัทรา วราวิตร บริษัท กาฬสินธุ์ โอทอป อินเตอร์เทรดเดอร์ จำกัด 7.พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย บริษัท ทุ่งท่าลาด จำกัด 8.พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก บริษัท กีฬา สุราษฎร์ธานี จำกัด  9.นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์  บริษัท พี แอนด์ อาร์ อิงค์ จำกัด 10.นางประยูร เหล่าสายเชื้อ บริษัท ดีจริงมอเตอร์ จำกัด

11.นางเบญจรัตน์ จริยธาราสิทธิ์ บริษัท ศรีสุพรรณการแร่ จำกัด 12.นายบรรชา พงศ์อายุกูล บริษัท พงศ์อายุกูลและบุตร จำกัด 13.นายนิอาแซ ซีอุเซ็ง  บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด 14.น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด 15.พล.ร.อ.ฐนิธ กิตติอำพน บริษัท นลวิตา จำกัด 16.นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีเคพี โลจิสติกส์ 17.ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ณัฏฐ์ แอนด์ พิรพัฒน์ 18.นายเฉลียว เกาะแก้ว บริษัท ไตรหิรัญ 2555 จำกัด 19.นายกูรดิสถ์ จันทร์ศรีชวาลา บริษัท แอล.ดี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 20.นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ บริษัท ไฮเทค เกลซเซอร์ จำกัด  21.นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา บริษัท ภูตะวัน จำกัด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้

วุ่นแต่เช้า! ด่านคลองลึก “ไทย-กัมพูชา” เปิดไม่พร้อมกัน

สระแก้ว 8 มิ.ย.- ด่านคลองลึก วุ่นแต่เช้า! “ไทย-กัมพูชา” เปิดด่านชายแดนไม่พร้อมกัน หลังปรับเวลาวันแรก ทำคนรอหน้าด่านจำนวนมาก ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เปิดประตูด่านพรมแดนคลองลึก บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา มีความวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากวันนี้นับเป็นวันแรกที่เริ่มใช้มาตรการเปิดด่านเวลา 08.00 น. พอถึงเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ทำการเปิดประตูด่านพรมแดน บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา แต่ทางฝั่งกัมพูชา ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดด่านแต่อย่างใด โดยมีชาวกัมพูชาและแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมากจากฝั่งไทยที่จะเดินทางกลับประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งพนักงานกาสิโนชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต้องมายืนรอกัมพูชาเปิดด่าน ต่อมา พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ ร.ท.สาโรจน์ โยธา ผบ. ร้อย ทพ.1201 ได้เดินเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่กัมพูชาบริเวณประตูพรมแดนฝั่งกัมพูชาถึงสาเหตุที่กัมพูชายังไม่เปิดด่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตม.และตำรวจกัมพูชา แจ้งมาว่าเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาของกัมพูชาให้เปิดด่านเวลา 09.00 น. ซึ่งไม่ตรงกับไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต้องออกประชาสัมพันธ์ให้ชาวกัมพูชาและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงคนไทยที่จะไปทำงานในฝั่งกัมพูชาทราบว่าด่านไทยเปิดเวลา 08.00 น. แต่ด่านกัมพูชา เปิด 09.00 น. […]