ตลท. 18 มิ.ย. – รวมพลังตลาดทุนจัดงาน SET Social Impact Day 2019 ภายใต้แนวคิด “Partnership for Impact Co-creation ออกแบบ ทางออก มหาชน” เชื่อมต่อระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมร่วมแก้ปัญหาสังคม 5 ด้าน พร้อมพบ 60 บูธธุรกิจเพื่อสังคม วันที่ 17-18 ก.ค.นี้ ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด โครงการพอแล้วดี รวมทั้งองค์กรภาคธุรกิจและภาคสังคม จัดงาน SET Social Impact Day 2019 ปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “Partnership for Impact Co-creation ออกแบบ ทางออก มหาชน” เวทีสร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมให้เกิดพลังและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน สะท้อนแนวคิดหลักที่ว่าทุกคน ทุกองค์กร ทุกภาคส่วน ไม่ควรถูกโดดเดี่ยวจากโอกาส ไม่ควรโดดเดี่ยวจากความพยายาม ไม่คิดอย่างเดียวดายเพื่อความยั่งยืน พร้อมออกแบบการทำงานร่วมกันและเดินหน้าแก้ไขปัญหาสังคม 5 ด้าน คือ การศึกษา สุขภาพ สิ่งแวดล้อม กลุ่มเปราะบาง รวมถึงการพัฒนาชุมชนและการเกษตร เพื่อสร้างความสมดุลให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เกิดความยั่งยืนให้เกิดเป็นรูปธรรมและเติบโตไปพร้อมกัน เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน หากการเติบโตดังกล่าวอยู่ท่ามกลางปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม
สำหรับกิจกรรมในงาน SET Social Impact Day 2019 วันที่ 17-18 กรกฎาคมนี้ ที่ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ เวลา 08.30-17.00 น. มีการเสวนา โดยมี 40 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมีชื่อเสียง เช่น คุณเจษฎาภรณ์ ผลดี , คุณอเล็กซ์ เรนเดล , คุณคริสโตเฟอร์ เบญจกุล , คุณภัทราวดี มีชูธน เป็นต้น พร้อมการเสวนามากมาย เช่น ออกแบบทางออกร่วมภาคธุรกิจและภาคสังคม , ทางออกอนาคตการศึกษาไทย ,เสียงเรียกร้องจากป่าสู่เมือง , สุขภาพกายใจคนไทย ใครออกแบบ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้มาร่วมงานยังพบกับ 60 บูธผู้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคมที่นำเสนอนวัตกรรมและวิธีการทางธุรกิจในรูปแบบที่สร้างสรรค์ พร้อมเปิดโอกาสในการจับคู่สร้างความร่วมมือ สร้างเครือข่ายร่วมทำงานและร่วมพัฒนาศักยภาพธุรกิจเพื่อสังคมในอนาคต ซึ่งผู้ร่วมงานสามารถร่วมสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมผ่านการอุดหนุนสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม และความเข้มแข็งให้กับชุมชน ผู้ด้อยโอกาส ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสังคมไทยร่วมกันทั้งผู้ผลิตและผู้ซื้อ .-สำนักข่าวไทย