พรรคอนาคตใหม่ 11 มิ.ย.-ปิยบุตรเร่งประธานสภา ฯ ส่งกรณี 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อให้ศาลรธน.วินิจฉัยโดยเร็ว พร้อมย้ำเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งเรื่องให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภายื่นต่อคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของ 41 ส.ส.ที่ถือหุ้นสื่อ ว่า ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจใช้ดุลพินิจใด ๆ ทั้งสิ้น มีหน้าที่เพียงตรวจสอบว่า ลายเซ็นของส.ส.ที่เข้าชื่อครบหรือไม่ ซึ่งในทางกฎหมายไม่น่ามีอะไรติดขัด ไม่มีเหุตให้เหนี่ยวรั้งได้ ขณะนี้ครบ 7 วันแล้ว จึงอยากเรียกร้องประธานรัฐสภาให้ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และหากยึดตามกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะใช้เวลาเพียง 7 วันเท่านั้น ที่จะรู้ว่ารับไว้พิจารณาหรือไม่ และจะมีคำสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่
“เมื่อเทียบกับกรณีของนายธนาธรแล้วไม่ต่างกัน จึงต้องมีคำสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ด้วย มันจะส่งผลต่อการทำงานด้วย เพราะ 41 ส.ส.นี้อยู่ฟากรัฐบาลทั้งหมด เราเสียโอกาสมาแล้วหนึ่งครั้ง เพราะส.ส.เหล่านี้โหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และขณะนี้กำลังจะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง 41 ส.ส.จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ หากประธานรัฐสภาไม่ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ ที่เขียนให้ประธานสภาเหมือนเป็นบุรุษไปรษณีย์เท่านั้น” นายปิยบุตร กล่าว
ส่วนความคืบหน้าผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่รณรงค์ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า มีนโยบายจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยจะนำรูปแบบของการแก้รัฐธรรมนูญฉบับ 2534 เมื่อปี 2538 มาใช้ เพื่อเปิดให้มีส.ส.ร.จนได้รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มา สาเหตุที่ระบุในงานครบรอบ 1 ปี พรรคอนาคตใหม่จะแก้ไขในมาตรา 272 ที่ให้อำนาจส.ว.แต่งตั้งโหวตนายกรัฐมนตรีร่วมกับส.ส. มาตรา 279 ที่รับรองอำนาจของคสช.
นายปิยบุตร กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะอาศัยเสียงในสภาอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้ฉันทามติร่วมกันของประชาชน พรรคการเมืองและนักการเมือง แต่ระหว่างที่ต้องสะสมพลังทางสังคมนั้น จะปล่อยเวลาไปเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องผลักดันประเด็นเข้าใจง่าย ๆ ที่ทุกคนเห็นร่วมกันก่อน ซึ่งคือเรื่องอำนาจของส.ว.ในการลงมติเลือกนายกฯ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีเสียงความไม่พอใจของประชาชนเยอะมาก ที่ส.ว. 249 คนเลือกพล.อ.ประยุทธ์พร้อมเพรียงกัน
“เมื่อได้เห็นกลไกการสืบทอดอำนาจแล้ว นักการเมืองต้องนำเสียงสะท้อนของประชาชนเข้าสู่สภาด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดคือเสนอแก้มาตรา 272 เชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านและทุกพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล ไม่ชอบใจกับมาตรา 272 แน่นอน มันบิดเบือนการจัดตั้งรัฐบาลไปหมด นี่จึงเป็นทางสะดวกที่สุดก่อนที่จะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนการรณรงค์ ถ้าจำกันได้สภาชุดที่แล้วกับชุดก่อน มีเสียงพอต่อการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ก็ทำไม่ได้ โดนศาลรัฐธรรมนูญขวาง แต่เมื่อปี 38-39 นักการเมืองจำนวนมากไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับ 2540 แต่สังคมกดดันจนนักการเมืองยกมือให้ นี่คือตัวอย่างการแก้รัฐธรรมนูญขนานใหญ่ ไม่ได้สำคัญแค่เสียงในสภา ที่เสียงครบอาจแก้ไม่ได้หรือเสียงไม่ครบแต่อาจแก้ได้ก็ได้” นายปิยบุตร กล่าว
เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรกและวาระสุดท้าย ต้องได้รับความเห็นชอบจากส.ว. 1 ใน 3 หรือต้องมากกว่า 80 คน นายปิยบุตร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 แก้ไขได้ยาก ในทางปฏิบัติอาจแก้ไม่ได้เลย จะแก้เรื่องส.ว. ระบบเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ แผนยุทธศาสตร์ก็ยาก ด้านหนึ่งจึงต้องสร้างกระแสสังคมให้ตรงกัน อย่างการแก้ไขมาตรา 272 ในสภาผู้แทนผู้แทนราษฎรน่าจะมีความเป็นไปได้ แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่เห็นด้วย ส.ว.อีก 80 กว่าเสียงไม่ผ่าน ไม่เป็นไร แต่จะส่งผลให้ส.ส.มีโอกาสพูดเรื่องนี้ในสภา
“ส.ว.คนไหนไม่ยอมให้แก้ ก็ย่อมถูกกระชากหน้ากากว่าปกป้องอำนาจของเขาอยู่ ซึ่งคาดว่าจะหารือกับทั้ง 7 พรรค ซึ่งยังทำงานเหนียวแน่นภายในสัปดาห์นี้ ต้องหารือเรื่องผู้นำฝ่ายค้าน วิปฝ่ายค้าน พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าจะทำงานฝ่ายค้านในสภาอย่างสร้างสรรค์ ไม่ตีรวน ตั้งกระทู้ถาม เสนอญัตติ เช่น การยืดหนี้ให้กับบริษัทโทรคมนาคมบริษัทโทรทัศน์ การประมูลร้านปลอดภาษีสนามบิน ไม่ใช่ฝ่ายค้านที่จ้องแต่จะล้มรัฐบาล” นายปิยบุตร กล่าว
ส่วนกรณีน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ที่กำลังถูกโจมตีหมิ่นสถาบัน นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่กังวล พรรคอนาคตใหม่มีจุดยืนชัดเจน ผ่านมรสุมแบบนี้มาหลายครั้ง ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ของการสร้างพรรคว่าเมื่อมีอุปสรรค จะผ่านไปได้ ยืนยันว่าน.ส.พรรณิการ์ มีความสามารถ รู้เรื่องการต่างประเทศ น่าจะเป็นส.ส.ที่มีคุณภาพคนหนึ่ง การโจมตีทำลายล้างกันไม่เกิดประโยชน์อะไร ส่วนเรื่องคดีก็ว่าไปตามกระบวนการ ล่าสุดน.ส.พรรณิการ์ได้รับการเชิญจากมูลนิธิคอนราดไปร่วมเสวนาหัวข้อ “อิทธิพลของทหารและกองทัพกับการเมืองไทย”
ส่วนการตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ นายปิยบุตร กล่าวว่า สู้เต็มที่แล้ว ก่อนจะสืบทอดอำนาจได้สำเร็จ แต่บรรยากาศแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีขณะนี้เป็นภาพไม่ดี อยากให้เดินหน้าตั้งรัฐบาลให้เสร็จ จะได้เดินหน้าต่อ
“เมื่อเขาวิ่งเข้าเส้นชัยแล้ว ฝ่ายค้านพร้อมตรวจสอบต่อไป ถือว่ายืดเยื้อมานานจนผิดปกติ ปกติเลือกตั้งเสร็จก็รู้แล้วใครเป็นนายกฯ ใครเป็นรัฐบาล ทั้งหลายคือดอกผลของความผิดปกติจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 แล้วสืบทอดอำนาจต่อ การอ้างต้องเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียน ทำให้จัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ เดี๋ยวพอผ่านอาเซียนไป วันหน้ามีเรื่องสำคัญให้อยู่ต่อไปอีก อย่างน้อยเมื่อตั้งรัฐบาลแล้ว อำนาจพิเศษอย่างม.44 จะได้หมดไป แล้วพล.อ.ประยุทธ์ที่สืบทอดอำนาจสำเร็จจะทราบว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีฝ่ายค้านนั้นเป็นอย่างไร” นายปิยบุตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย
